Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ใบเลี้ยงเดี่ยว Healthy
•
ติดตาม
30 ก.ย. เวลา 11:00 • สุขภาพ
Water Fasting ดีจริงไหม เหมาะกับใครที่สุด
การอดอาหารแบบดื่มแต่น้ำ เหมาะกับใคร และควรระวังอะไรบ้าง ในยุคที่ผู้คนเริ่มตั้งคำถามกับพฤติกรรมการกินของตัวเอง Water Fasting หรือการอดอาหารโดยดื่มแต่น้ำกลายเป็นหนึ่งในแนวทางที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง
บางคนบอกว่าช่วยรีเซ็ตร่างกาย บางคนบอกว่าทำแล้วรู้สึกมีสมาธิ และน้ำหนักลดเร็ว บางคนก็เตือนว่ามันอันตรายและไม่เหมาะกับทุกคน
ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกับ Water Fasting ให้ชัดเจนขึ้นว่า มันคืออะไร, ทำไมบางคนถึงเลือกทำ, ข้อดี ข้อเสียมีอะไรบ้าง, และที่สำคัญที่สุดคือ ใครบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงแนวทางนี้
Water Fasting คืออะไร?
Water Fasting คือการงดอาหารทั้งหมด โดยดื่มเพียงแค่น้ำเปล่าเท่านั้น ในบางแนวทางจะอนุญาตให้ดื่มเกลือแร่ หรือเครื่องดื่มไม่มีพลังงานร่วมด้วย แต่หลักๆ แล้วคือ ไม่มีการรับพลังงานใดๆ เข้าสู่ร่างกายเลย แตกต่างจากการลดแคลหรือควบคุมอาหาร Water Fasting คือการ ไม่กินอะไรเลย ในช่วงเวลาที่กำหนด
ระยะเวลาของการ Water Fasting จะแตกต่างกันไป:
●
บางคนทำ 24 ชั่วโมง
●
บางคนทำ 48 - 72 ชั่วโมง
●
บางแนวทางอาจทำเป็นระยะเวลา 5 - 7 วัน (แต่แบบนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น)
ทำไมบางคนถึงเลือก Water Fasting?
ทำไมหลายคนถึงทำ Water Fasting
เหตุผลที่คนหันมาลอง Water Fasting มีหลายมุมมอง เช่น:
เพื่อกระตุ้นกระบวนการ Autophagy
ซึ่งเป็นกระบวนการที่ร่างกายกำจัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพออกไป มีการวิจัยบางส่วนเชื่อมโยงว่า การเว้นอาหารเป็นระยะ อาจช่วยกระตุ้นกระบวนการนี้
เพื่อควบคุมน้ำหนัก
การไม่กินอาหารทำให้เกิดการดึงไขมันสะสมมาใช้ น้ำหนักลดลงในระยะสั้น บางคนรู้สึกว่าทำให้เริ่มต้นไลฟ์สไตล์ใหม่ได้ง่ายขึ้น
เพื่อความรู้สึกคลีนและมีสมาธิ
บางคนรายงานว่าหลังจากผ่านช่วงหิวไปได้ จะรู้สึกโปร่ง เบา สมองปลอดโปร่งขึ้น ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของระดับคีโตนในร่างกาย
เพื่อจุดประสงค์ทางศาสนาหรือจิตวิญญาณ
เช่น การถือศีลอดในบางวัฒนธรรม หรือการใช้เป็นการฝึกสมาธิและวินัย
ข้อดีของ Water Fasting (ในกรณีที่เหมาะสม)
✓
ร่างกายได้พักระบบย่อยอาหาร
✓
อาจช่วยปรับความไวของอินซูลินในบางคน
✓
บางงานวิจัยพบว่า การเว้นอาหารเป็นช่วงเวลานาน อาจช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของโรคบางชนิด
✓
ช่วยให้ตระหนักรู้ถึงนิสัยการกินที่เกิดจากอารมณ์มากกว่าความหิวจริงๆ
ความเสี่ยงและข้อควรระวัง
●
เสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลต่ำ (Hypoglycemia) โดยเฉพาะในคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน
●
สูญเสียกล้ามเนื้อ การอดอาหารนานเกินไปโดยไม่มีการควบคุม อาจทำให้ร่างกายดึงกล้ามเนื้อมาใช้แทนไขมัน
●
ร่างกายขาดเกลือแร่ โดยเฉพาะหากดื่มแต่น้ำโดยไม่เติมเกลือแร่ใดๆ เลย
●
อาจทำให้การกินผิดปกติ เช่น การโยโย่กลับมาหนักกว่าเดิม หรือพฤติกรรมการกินที่มีลักษณะบีบบังคับ
●
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น เวียนหัว อ่อนเพลีย ใจสั่น มือเย็น หงุดหงิดง่าย หรือแม้แต่อารมณ์แปรปรวน
ใครอาจเหมาะกับแนวทางนี้?
★
คนที่สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว
★
คนที่เคยศึกษาแนวทางอย่างจริงจัง และมีวินัยในการฟังร่างกายตัวเอง
★
คนที่อยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ และมีการวางแผนล่วงหน้า
★
คนที่ต้องการรีเซ็ตนิสัยการกิน โดยไม่เน้นทำต่อเนื่องระยะยาว
ใครควรหลีกเลี่ยง Water Fasting?
●
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันต่ำ ภาวะโลหิตจาง
●
ผู้ที่มีประวัติปัญหาเกี่ยวกับการกิน เช่น Anorexia หรือ Bulimia
●
ผู้หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
●
เด็กและวัยรุ่น (ร่างกายยังต้องการพลังงานสำหรับการเจริญเติบโต)
●
ผู้ที่มีภาวะเครียดหรือภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง
Water Fasting ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน
Water Fasting ไม่ใช่เทรนด์วิเศษ และไม่ใช่ทางลัด
Water Fasting ไม่ใช่คำตอบของทุกคน และไม่ใช่ทางลัดเพื่อเปลี่ยนชีวิตในข้ามคืน เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือที่บางคนเลือกใช้ และก็ต้องใช้ด้วยความเข้าใจเท่านั้น
หากคิดจะลอง ควรเริ่มจากการหาข้อมูลที่ครบถ้วน ไม่ใช่แค่จากคลิปในโซเชียล เพราะการอดอาหารไม่ใช่แค่เรื่องไม่กิน แต่คือการเข้าใจร่างกายตัวเองในจังหวะที่ลึกและซับซ้อนกว่านั้น
ไม่ว่าคุณจะเลือกกินแบบไหน หรือไม่กินในบางเวลา ขอให้คุณได้ดูแลตัวเองอย่างตั้งใจ สุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากความเข้าใจในตัวเอง ไม่ใช่การหักโหม
#WaterFasting
#อดอาหารดื่มแต่น้ำ
#สุขภาพองค์รวม
#ทางเลือกในการดูแลตัวเอง
#ใบเลี้ยงเดี่ยวhealthy
สุขภาพ
อาหารสุขภาพ
ออกกำลังกาย
1 บันทึก
1
2
1
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย