3 ต.ค. เวลา 07:40 • หนังสือ

#13 9️⃣ การเปลี่ยนแปลงที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกสิ่ง — บทที่ 🔟 ทั้งหมดเกี่ยวกับผลที่ตามมา(1) :

อีโก้คือส่วนหนึ่งของจิตใจที่แยก “ตัวคุณ” ออกจาก “ทุกสิ่งอื่น”
💟 ผู้แปล : คุณ♾️อุดม
🔟.#ทั้งหมดเกี่ยวกับผลที่ตามมา
สิ่งที่เราได้พูดคุยกันมาทั้งหมดนี้คือเทคโนโลยีแห่งความคิด หรือที่ผมเรียกว่า กลไกของจิตใจ การสำรวจนี้มีความหมายมากกว่าการที่คุณและผมเดินเล่นไปตามถนนสายปรัชญา #เมื่อคุณเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าจิตใจของคุณทำงานอย่างไร #คุณจะเข้าใจวิธีที่จะทำให้มันทำงานเพื่อคุณ
นี่คือสิ่งที่จิตใจของคุณไม่ต้องการจะทำ หรือพูดให้ถูกต้องกว่านั้น มันคือสิ่งที่อีโก้ (อัตตา) ของคุณไม่ต้องการให้คุณทำ "อีโก้" คือ #ส่วนหนึ่งของจิตใจที่คิดว่าคุณคือจิตใจของคุณ และมันรู้ดีว่าเมื่อคุณค้นพบวิธีการทำงานของจิตใจ คุณจะเข้าใจอย่างชัดเจนว่าคุณไม่ใช่จิตใจของคุณ และด้วยความรู้นั้น จะนำไปสู่การค่อยๆสลายอีโก้ในรูปแบบปัจจุบันของมัน
เพราะอีโก้รู้เรื่องนี้ มันจึงทำงานหนักเป็นพิเศษเพื่อให้คุณละความสนใจจากเรื่องทั้งหมดนี้ ตัวอย่างเช่น ในบทต่อๆไป มันจะพยายามทำให้คุณรู้สึก “เบื่อ” กับการสำรวจทั้งหมดนี้ หรือ “รำคาญ” ที่การอธิบายใช้เวลานานเกินไป หรือ “หงุดหงิด” ที่แม้หลังจากฝ่าฟันคำอธิบายมาแล้ว คุณก็ยังไม่ได้รับความรู้ที่จำเป็นทั้งหมดที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งเกี่ยวกับวิธีที่จะเปลี่ยนวิธีที่คุณกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้นจงสังเกตการทำงานของอีโก้ของคุณที่นี่ #แค่สังเกตว่าอีโก้ของคุณทำงานอย่างไรเพื่อให้คุณวางหนังสือเล่มนี้ลง เพื่อให้คุณเลิกล้มการสืบค้นทั้งหมดนี้ ถ้ามันประสบความสำเร็จ #นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่อีโก้ของคุณเองเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ
เหมือนที่ตัวละครการ์ตูนที่น่าทึ่งชื่อ Pogo-โพโก สร้างโดย Walt Kelly-วอลท์ เคลลี่ ผู้ล่วงลับ เคยพูดไว้ว่า: “เราได้พบศัตรูแล้ว และพวกเขาก็คือ(ตัว)เราเอง”
ตอนนี้ให้ผมอธิบายว่าอีโก้คืออะไรและไม่ใช่อะไร อีโก้คือส่วนหนึ่งของจิตใจที่แยก “ตัวคุณ” ออกจาก “ทุกสิ่งอื่น” ในแง่นี้ มันเป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยี (กลไก) แห่งความคิด มันเป็นส่วนที่สามารถเข้าใจได้ไม่เพียงแค่ความคิด แต่รวมถึงผู้คิดความคิดนั้นด้วย★
[★ตรงนี้ก็ประมาณว่า อีโก้ ไม่ใช่แค่เข้าใจถึงความคิดเราเท่านั้น แต่ยังเข้าใจเราที่เป็นคนคิดด้วย คือมันรู้ดีทุกอย่างเกี่ยวกับเราครับว่าง่ายๆ ฮะๆ 😅 –ผู้แปล]
ดังนั้น อีโก้จึงเป็นหนึ่งในของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ เพราะมันทำให้คุณสามารถมีประสบการณ์ถึง “ตัวคุณ” ในฐานะที่เป็นคุณ ไม่ใช่คนอื่นหรือสิ่งอื่นทั้งหมด
ซึ่งความจริงที่แท้ (The Actual Truth) ก็คือคุณ “เป็น” ทุกคนและทุกสิ่งอื่นด้วย . . . แต่ส่วนหนึ่งของทั้งหมดที่เรียกตัวเองว่า “คุณ” ต้องสามารถมีประสบการณ์ว่าตัวเองแยกออกมา (จากทั้งหมด) ได้เสียก่อน มิฉะนั้นมันจะไม่สามารถทำในสิ่งที่มันมาเป็นรูปกายเพื่อทำ มันจะไม่สามารถประสบกับสิ่งที่มันมาเพื่อประสบได้ ดังนั้น มันจึงแยกตัวเองออกมา และ #อีโก้_คือเครื่องมือที่มันใช้ทำเช่นนั้น
อีโก้รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของคุณนั้นยิ่งใหญ่กว่าส่วนของการรับรู้ตนเองที่อยู่เพียงแค่ในจิตใจของคุณ ในแง่นี้ #อีโก้เป็นของขวัญอันยิ่งใหญ่ เป็นอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยม เป็นเครื่องมือที่น่าทึ่ง #แต่อีโก้ของคุณสามารถหลุดจากการควบคุมได้ และเมื่อมันเป็นเช่นนั้น มันก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมไม่ได้ในนิยายทางวิทยาศาสตร์ที่จู่ๆก็คิดว่ามันเป็นนายของคุณ แทนที่คุณจะเป็นเจ้าของมัน
เมื่ออีโก้ของคุณหลุดจากการควบคุม (หรือคุณควบคุมมันไม่ได้) มันไม่เพียงแต่ทำหน้าที่แยกคุณออกจากสิ่งอื่นทั้งหมดเท่านั้น มันยังแยกคุณออกจากตัวตนของคุณเองด้วย มันทำให้คุณคิดว่าคุณคือมัน ไม่ใช่ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของคุณ อีโก้ของคุณจึงสับสนในหน้าที่ของตัวมันเอง #มันจินตนาการว่าตัวมันต้องปกป้องคุณจากการรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณเอง* (*🤣🤣🤣😅)
ดังนั้นเมื่ออีโก้ของคุณพยายามทำให้คุณรู้สึกเบื่อ หรือรู้สึกว่าเรื่องราวนี้ดำเนินไปช้าเกินไป นั่นคือสัญญาณให้คุณ (ถอย) ออกจากจิตใจของคุณ* (*ถอยออกมาเป็นเพียงแค่ผู้ดู) #คุณต้องออกจากจิตใจเพื่อเข้าใจกลไกของจิตใจและระบบของจิตวิญญาณ ดังนั้นจงก้าวออกจากความคิดของคุณในขณะนั้น* (*เห็นความคิดมันผุดขึ้นมาจากความว่างและเห็นว่ามันเคลื่อนไหวไปที่เรื่องนั้นที เรื่องโน้นที) และอ่านต่อไป คุณจะได้ยินเสียงวิงวอนไม่หยุดหย่อนของอีโก้ที่จะให้เลิกทั้งหมดนี้เสีย #แต่อย่าใส่ใจมัน
มาถึงตรงนี้ ผมได้กล่าวไปแล้วว่าประสบการณ์ไม่ใช่สิ่งภายนอก ประสบการณ์คือสิ่งภายใน นั่นคือเหตุผลที่ #ทำไมคนต่างกันจึงมีประสบการณ์ที่ต่างกันจากเหตุการณ์เดียวกัน
#ประสบการณ์ของทุกคนจะเหมือนกันก็ต่อเมื่อผู้คนไม่มีเวลาคิด
เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ . . . นั่นเป็นความคิดที่น่าสนใจ นั่นคืออะไรกัน—❓
ผมได้พูดว่า . . . #เมื่อผู้คนไม่มีเวลาคิด_พวกเขาจะกลายเป็นเหมือนกัน พวกเขาถูกผลักดันให้ตอบสนองแบบอัตโนมัติมากกว่าการตอบสนองอย่างมีสติ – เหมือนตอนที่ผู้คนตื่นตระหนก การตื่นตระหนกหมู่แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นเมื่อผู้คนยังคงสงบ หยุด และคิด
ในขณะที่ผมกำลังเขียนหนังสือเล่มนี้ เครื่องบินของสายการบิน US Airways ที่ออกจากนิวยอร์กซิตี้ได้ประสบเหตุนกบินเข้าไปในเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องบินหยุดทำงานอย่างสมบูรณ์ในทันที เครื่องบินลำนั้น นำโดยวีรบุรุษตัวจริง กัปตัน Chesley B. “Sulley” Sullenberger (เชสลีย์ บี. “ซัลลีย์” ซัลเลนเบอร์เกอร์) ถูกบังคับให้ลงจอดฉุกเฉินในแม่น้ำฮัดสัน
หลังจากการลงจอดฉุกเฉินในน้ำที่สมบูรณ์แบบ ผู้โดยสารทั้ง 155 คนออกจากเครื่องบินและยืนอยู่บนปีกเครื่อง รอการช่วยเหลือจากเรือที่อยู่ใกล้เคียง ทุกคนรอดชีวิต มันถูกเรียกว่าปาฏิหาริย์ แต่ผู้รอดชีวิตพูดตามความเป็นจริง มันเรียบง่าย พวกเขารายงานว่า ไม่มีใครตื่นตระหนก
ทุกคนรักษาสติได้ดี #ผู้คนกำลังตอบสนองอย่างมีสติ_แทนที่จะเป็นการตอบสนองแบบอัตโนมัติ
ในบทความในนิตยสาร Newsweek ไม่กี่สัปดาห์หลังจากเหตุการณ์นั้น กัปตันซัลเลนเบอร์เกอร์ ได้แบ่งปันข้อสังเกตส่วนตัวนี้ : “เราไม่เคยยอมแพ้ การมีแผนทำให้เรารักษาความหวังไว้ได้ บางทีในลักษณะที่คล้ายกัน ผู้คนที่กำลังเผชิญวิกฤตส่วนตัว - ไม่ว่าจะเป็นการถูกเลิกจ้าง การยึดบ้าน - อาจได้รับการเตือนว่าไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน หรือคุณมีเวลาจัดการกับมันน้อยเพียงใด การกระทำในขั้นต่อไปยังเป็นสิ่งที่เป็นไปได้เสมอ มีทางออกเสมอแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันที่สุด คุณสามารถเอาตัวรอดได้”
ขอบคุณ กัปตัน #คุณได้จับใจความสำคัญของหนังสือทั้งเล่มนี้ไว้ในย่อหน้าเดียว
ว้าว ดังนั้นคำตอบในที่นี้ ในสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์และยากลำบากใดๆที่สิ่งต่างๆกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คือ #การหยุดและคิด กระบวนการทั้งหมดนั้นไม่ได้ใช้เวลานานนัก เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น จิตใจของคุณเป็นเครื่องมือที่น่าทึ่ง มันสามารถชั่งน้ำหนักตัวเลือกทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าคุณในเสี้ยววินาทีและคิดค้นการตอบสนองได้ ทว่ามันก็ต้องใช้เวลา การตอบสนองต้องใช้เวลา แต่การตอบสนองแบบอัตโนมัตินั้นเกิดขึ้นในทันที
แน่นอน จะไม่เกิดประโยชน์อะไรมากนักถ้า “หยุดและคิด” #แต่ความคิดของคุณอยู่บนพื้นฐานของความจริงที่จินตนาการขึ้น (Imagined Truth) แล้วการตอบสนองของคุณจะไม่ได้สูงส่งไปกว่าปฏิกิริยาดิบ ๆ ถ้าผู้โดยสารบนเครื่องบินจินตนาการว่านี่คือ “จุดจบ” นี่คือการสิ้นสุด พวกเขากำลังจะตาย แม้ว่าเครื่องบินจะลงจอดอย่างปลอดภัยบนน้ำ พวกเขาก็จะจมลงในไม่ช้า ฯลฯ ความตื่นตระหนกก็จะตามมา ไม่สามารถกล่าวชื่นชมกัปตันและลูกเรือของเที่ยวบินนั้นได้มากพอ ที่ทำให้ผู้คนสงบ ใจเย็น และมีสติ
ดังนั้น "เคล็ดลับ" ก็คือ #การยกระดับจิตสำนึกของคุณจากระดับต่ำสุดไปสู่ระดับสูงสุดของการตระหนักรู้ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นรอบตัวคุณก็ตาม จำไว้ว่า #การตอบสนองแบบอัตโนมัติเป็นสัญชาตญาณ ; #การตอบสนองอย่างมีสติต้องผ่านการคิด นั่นคือ ความคิดที่ถูกผลักดันออกมาภายนอก
แต่ความคิดของคุณไม่มีรูปร่าง รูปแบบ หรือเนื้อหา พวกมันเป็นเหมือนควันที่ลอยอยู่ ไม่ใช่แม้แต่เช่นนั้น พวกมันเบากว่าควัน พวกมันเป็นเพียงความคิดที่คุณยึดถือ แล้วจะจัดการกับสิ่งนั้นอย่างไร . . .❓
สิ่งที่น่าขันเกี่ยวกับความคิดก็คือ #มันไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงเพื่อให้ดูเหมือนจริง เมื่อพูดถึงความคิด จิตใจของคุณไม่รู้ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เป็นจริงกับสิ่งที่จินตนาการ ระหว่างสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น “ตอนนี้” กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น “ตอนนั้น” ระหว่างสิ่งที่เป็น “ความจริง” ตามข้อเท็จจริงกับสิ่งที่เห็นได้ชัดว่า “เป็นเท็จ”
ดังนั้นคุณจึงสามารถดูหนังสยองขวัญและจิตใจของคุณยอมรับข้อมูลว่าเป็นความจริง สั่งให้ร่างกายตอบสนองตามนั้น หัวใจของคุณเต้นเร็วขึ้น หายใจสั้นลง คุณอาจถึงกับเหงื่อออก เช่นเดียวกัน คุณสามารถเห็นภาพที่กระตุ้นความรู้สึกและมีการตอบสนองทางร่างกาย — แม้จะรู้ว่าภาพที่เห็นเป็นเพียงรูปภาพ #สิ่งที่จิตใจของคุณทำกับข้อมูล_ไม่ใช่ตัวข้อมูลเอง_ที่สร้างปฏิกิริยาตอบสนองของคุณ เหตุการณ์และความเป็นจริงของคุณเกี่ยวกับมันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
จิตใจของคุณเป็นเหมือนกลไกจริงๆ มันเหมือนคอมพิวเตอร์ แล็ปท็อปของคุณไม่ได้ “สนใจ” สิ่งต่างๆ มันเพียงแค่ตอบสนองต่อข้อมูลที่ป้อนเข้าไป — และต่อสิ่งที่ถูกใส่เข้าไปก่อนหน้านี้ มีคำย่อที่มีชื่อเสียงที่ใช้โดยช่างคอมพิวเตอร์: GIGO มันหมายถึง “ขยะเข้า ขยะออก (Garbage In, Garbage Out)”
จิตใจของคุณทำงานในลักษณะเดียวกัน #มันตอบสนองโดยอัตโนมัติต่อสิ่งที่คุณใส่เข้าไป - และถ้าสิ่งที่คุณใส่เข้าไปเป็นข้อมูลที่ผิดพลาด (นั่นคือ ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่สังเกตได้-Observed Reality หรือ ความเป็นจริงสูงสุด-Ultimate Reality) จิตใจของคุณก็จะได้ข้อสรุปที่ผิดพลาด
ตอนนี้ ถ้าคุณตั้งการตอบสนองของคุณบนข้อสรุปเช่นนั้น คุณอาจกำลังเตรียมตัวเองสำหรับการเดินทางสู่นรกทางอารมณ์ (ซึ่งอาจเป็นที่ที่คุณอยู่ตอนนี้) คุณอาจพบว่าตัวเองพัวพันอยู่กับความคิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับความจริง และมันจะไม่สำคัญสำหรับคุณด้วยซ้ำ — #เพราะคุณจะไม่รู้ว่าความคิดของคุณไม่เป็นความจริง
✅ ก็จนกว่าคุณจะรู้นั่นแหละ
นั่นคือสิ่งที่การสนทนานี้เกี่ยวข้องทั้งหมด สิ่งที่เรากำลังทำที่นี่คือการทวนซ้ำ ทวนซ้ำ ทวนซ้ำสิ่งเดียวกัน การป้อน ป้อน ป้อนข้อมูลเดียวกัน #จิตใจของคุณตอบสนองโดยอัตโนมัติต่อสิ่งที่คุณใส่เข้าไป — 🌟ดังนั้นหนังสือนี้จึงเกี่ยวกับการใส่สิ่งที่คุณต้องการให้มันตอบสนองโดยอัตโนมัติเข้าไปในจิตใจของคุณ🌟
ผมเพิ่งพูดไปว่า ถ้าสิ่งที่คุณใส่เข้าไปในจิตใจของคุณเป็นข้อมูลที่ผิดพลาด (นั่นคือ ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่สังเกตได้หรือความเป็นจริงสูงสุด) จิตใจของคุณก็จะได้ข้อสรุปที่ผิดพลาด ในทางกลับกันก็เป็นจริงเช่นกัน #ถ้าสิ่งที่คุณใส่เข้าไปในจิตใจของคุณเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง (นั่นคือ อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่สังเกตได้หรือความเป็นจริงสูงสุด) #จิตใจของคุณก็จะได้ข้อสรุปที่ถูกต้อง นี่จะกำจัดความเศร้าโศกและความทุกข์ทรมาน ความวุ่นวายใจและความทุกข์ใจ ความโกรธและความกลัวทั้งหมดออกไปจากชีวิตของคุณ
ดังนั้นตามผมให้ทันนะครับ อย่างที่แม่ของผมเคยพูดว่า “ความบ้าของฉันก็มีวิธีการของมัน” (ฉันมีวิธีการจัดการกับความบ้าของฉันในแบบของฉัน)
ทั้งหมดนี้กำลังจะเริ่มผสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วมาก และคุณจะเห็นความสง่างามของการออกแบบ ความสมบูรณ์แบบของวิธีที่ทั้งหมดนี้เข้ากันเป็นรูปแบบเดียว เมื่อคุณจัดการกับการเปลี่ยนแปลงที่คุณต้องเผชิญอยู่ตอนนี้
(ถ้าคุณมีคำถามบางอย่าง หรือมีสิ่งที่คุณต้องการให้อธิบายเพิ่มเติม ผมขอเชิญให้คุณไปที่ www.ChangingChange.net ได้ทุกเมื่อ และดูว่าคุณสามารถหาสิ่งที่คุณต้องการรู้ได้หรือไม่ จำไว้ว่า นี่คือการสำรวจร่วมกัน นี่ไม่เหมือนหนังสือส่วนใหญ่ . . . ที่อ่านแล้วจะ “เข้าใจ” หรือไม่ก็แล้วแต่ นี่คือวรรณกรรมรูปแบบใหม่ นี่คือวรรณกรรมที่มีชีวิต ดังนั้นเพื่อพระเจ้า อย่าเร่งรีบอ่านต่อไปถ้าหัวคุณกำลังหมุนและคุณต้องการความช่วยเหลือตอนนี้)
ความคิดของคุณสร้างอารมณ์ของคุณ เราได้ยืนยันสิ่งนั้นอย่างแน่นหนาแล้ว นี่หมายความว่าคุณกำลังสร้างอารมณ์ของคุณเอง นี่คือข้อมูลสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง ผมไม่สามารถพูดมันได้มากพอ (เกี่ยวกับเรื่องนี้ผมอธิบายเท่าไหร่ก็ไม่พอ)
#คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าพวกเขาสร้างอารมณ์ของตัวเอง_พวกเขาคิดว่าพวกเขาก็แค่มีมัน เหมือนเกล็ดหิมะหรือหยดฝน ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ผู้คนมักพูดว่าพวกเขาแค่ถูกครอบงำด้วยอารมณ์
แท้จริงแล้ว อารมณ์คือสิ่งที่ถูกเลือก จิตใจตัดสินใจที่จะรู้สึกในแบบหนึ่ง อารมณ์คือการกระทำของเจตจำนง (การตัดสินใจเลือกของจิตใจ)
ว้าว นั่นยากนะ นั่นเป็นเรื่องยาก มันเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับผู้คนที่จะยอมรับ คุณยอมรับสิ่งนี้และทันใดนั้นคุณก็ต้องรับผิดชอบต่อทุกสิ่ง ; ต่อความรู้สึกของคุณ ต่อการกระทำของคุณกับผู้อื่นอันเป็นผลมาจากความรู้สึกของคุณ . . . ดังนั้นเมื่อผู้คนได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาจึงมองหา “ทางออก”
(“ต้องมีทางบางอย่างที่ฉันไม่ต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกของฉันสิ ฉันหมายถึง ฉันเห็นว่าฉันต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ฉันทำกับความรู้สึกของฉัน แต่ตัวความรู้สึกเอง❓ อย่ามาพูดไร้สาระน่า❗ ฉันไม่สามารถรับผิดชอบต่อสิ่งนั้นได้ ฉันก็แค่รู้สึกอย่างที่ฉันรู้สึก บ้าเอ๊ย และนั่นคือความจริงของฉัน”)
คุณเคยบอกตัวเองในลักษณะนั้นไหม❓ แต่มนุษยชาติไม่มีทางวิวัฒนาการได้จนกว่าเราจะเห็นบทบาทที่เราทุกคนมีในการสร้างอารมณ์ของเรา ดังนั้นผมจะพูดซ้ำ : อารมณ์คือสิ่งที่ถูกเลือก จิตใจตัดสินใจที่จะรู้สึกในแบบหนึ่ง อารมณ์คือการกระทำของเจตจำนง (การตัดสินใจเลือกของจิตใจ)
ตอนนี้ผมจะยอมรับเรื่องนี้ : จิตใจของคุณทำสิ่งที่มันทำเร็วมากจนดูเหมือนว่าคุณไม่อาจควบคุมอารมณ์ของคุณได้ (ไม่มีการควบคุมอารมณ์)
สมองของคุณทำงานเร็วกว่าคอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดที่เคยผลิตมา (อาจจะไม่จริงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่มันยังคงจริงอยู่ในวันนี้ . . . ผมคิดว่า) จิตใจของคุณพาคุณเข้าสู่อารมณ์อย่างรวดเร็วมากบนพื้นฐานของความคิดที่มันสร้างขึ้น นี่คือสิ่งที่หมายถึงเมื่อคนพูดว่า “ฉันรู้สึกสะเทือนใจมาก” จริงๆแล้วพวกเขาถูกขับเคลื่อน ความคิดคือพลังงาน (Energy) และ หน้าที่ของจิตใจ คือ การเคลื่อนพลังงาน (ความคิด) นั้นเข้าสู่การเคลื่อนไหว (ให้เคลื่อนไหว) (E+motion)
เนื่องจากสิ่งนี้เกิดขึ้นเร็วมาก เร็วเหมือนสายฟ้า มันจึงสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องรู้ล่วงหน้าถึงคำตอบของสิ่งที่ตอนนี้กลายเป็นคำถามสำคัญ : อะไรสร้างความคิดที่สร้างอารมณ์❓ แล้วความคิดมาจากไหนกัน❓
ถ้าคุณสามารถค้นพบสิ่งนั้นได้ คุณจะก้าวไปไกลในการที่จะสามารถเปลี่ยนความคิดของคุณเกี่ยวกับบางสิ่ง และถ้าคุณสามารถเปลี่ยนความคิดของคุณเกี่ยวกับบางสิ่งได้ คุณก็สามารถสร้างอารมณ์ที่แตกต่างรอบๆมันได้—ซึ่งจะสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างเกี่ยวกับมันได้ตามมา จิตใจทำงานเร็วแค่ไหนก็ตาม มันยังคงทำงานกับข้อมูลที่มันกำลังทำงานด้วยเท่านั้น ขยะเข้า/ขยะออก
บิงโก
โป๊ะเชะ❗
เพราะการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างจากสิ่งที่คุณกำลังมีอยู่ตอนนี้คือสิ่งที่คุณต้องการทำพอดี ผมสัญญากับคุณว่าทั้งหมดนี้จะวนกลับมาหาคุณ มาถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับคุณ ตรงนี้ ตอนนี้ (ที่นี่ เดี๋ยวนี้)
ดังนั้น . . . อะไรสร้างความคิดที่สร้างอารมณ์❓ ความคิดมาจากไหน❓ มันมาจากความจริงภายในของคุณ และความจริงภายในของคุณมาจากไหน❓ มันมาจากข้อมูลก่อนหน้าของคุณ ดังนั้น เมื่อรู้สิ่งนี้ล่วงหน้า เราสามารถเปลี่ยนความคิดที่มีแนวโน้มจะสร้างอารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์ก่อนที่มันจะสร้างอารมณ์นั้นได้ไหม❓
อาจจะไม่ได้ บางทีในบางกรณีที่หายาก แต่ในกรณีส่วนใหญ่ น่าจะไม่ได้ เพราะมันเกิดขึ้นเร็วเกินไป มันทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก แม้แต่การรู้ล่วงหน้าว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นก็ไม่สามารถหยุดมันจากการเกิดขึ้นก่อนที่คุณจะรู้ตัว (ผมหมายความตามตัวอักษรนั้น❗) เว้นแต่คุณจะเป็นปรมาจารย์* (*ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกควบคุมจิต) ตัวจริง เว้นแต่คุณจะเป็นองค์ทะไลลามะหรือใครบางคนในระดับนั้น
(และผมไม่ได้ล้อเลียนท่าน ท่านเป็นปรมาจารย์จริงๆ แต่มีกี่คนที่เป็นเหมือนท่าน❓)
งั้นทั้งหมดนี้จะมีความหมายอะไร... มีประโยชน์อะไรที่เราจะมาพูดคุยกันเรื่องนี้ มาสำรวจเรื่องนี้ มาพิจารณาเรื่องนี้ในทุกแง่มุม . . .❓ นั่นเป็นคำถามที่ยุติธรรมมาก เป็นคำถามที่ยุติธรรมจริง ๆ ยุติธรรมมากเสียจนรู้สึกว่านี่อาจเป็นเวลาที่เหมาะสม ก่อนที่จะดำเนินต่อไป ที่จะให้คุณมี
 
 
😮‍💨 พื้นที่หยุดพักหายใจ 😮‍💨
 
 
หายใจเข้าไปในสิ่งที่คุณเพิ่งอ่าน แล้ว . . . ตัดสินใจตอนนี้ว่าคุณต้องการจะอ่านต่อ หรือจะพักไว้ก่อนแล้วค่อยมาพบกันที่นี่ในภายหลัง . . .
...
...
...
โฆษณา