4 พ.ย. เวลา 08:15 • สุขภาพ

Liver Fibroscan: นวัตกรรมตรวจพังผืดตับ...ง่าย ไว ไม่เจ็บตัว

ในอดีต การจะบอกได้ว่าตับของเรามีความเสียหายหรือมี "พังผืด" มากน้อยเพียงใด วิธีมาตรฐานคือ "การเจาะตรวจชิ้นเนื้อตับ" (Liver Biopsy) ซึ่งฟังดูน่ากลัว เจ็บตัว และมีความเสี่ยง แต่ปัจจุบัน เรามีเทคโนโลยีที่เรียกว่า Liver Fibroscan (หรือ Transient Elastography) ที่ช่วยให้แพทย์ประเมินสุขภาพตับของเราได้ง่ายดายและแม่นยำขึ้นมาก
บทความนี้จะพาไปรู้จักว่าเครื่องมือนี้คืออะไร ทำงานอย่างไร และใครบ้างที่ควรตรวจ
🧑‍⚕️Liver Fibroscan คืออะไร ตรวจอะไร?
Liver Fibroscan คือเครื่องมืออัลตราซาวนด์ชนิดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตรวจประเมิน "ความแข็งของตับ" (Liver Stiffness) และ "ปริมาณไขมันในตับ" (Liver Steatosis) โดยไม่ต้องเจาะหรือทำอันตรายต่อร่างกาย (Non-invasive)
1️⃣ การตรวจพังผืด (Fibrosis)
  • หัวใจหลักของ Fibroscan คือการวัดค่าความแข็งของตับ ซึ่งค่านี้จะแปรผันโดยตรงกับปริมาณพังผืดที่สะสมในเนื้อตับ
  • เมื่อตับเกิดการอักเสบเรื้อรัง (เช่น จากไวรัส, ไขมันพอกตับ, แอลกอฮอล์) ร่างกายจะพยายามซ่อมแซมตัวเอง เกิดเป็นเนื้อเยื่อแผลเป็นหรือ "พังผืด" (Fibrosis)
  • หากพังผืดสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ตับจะค่อยๆ แข็งขึ้น จนในที่สุดกลายเป็น "ตับแข็ง" (Cirrhosis) ซึ่งเป็นภาวะที่ตับทำงานล้มเหลวและเสี่ยงต่อมะเร็งตับ
2️⃣ การตรวจไขมันพอกตับ (Steatosis)
  • เครื่อง Fibroscan รุ่นใหม่ๆ จะมีฟังก์ชันที่เรียกว่า CAP (Controlled Attenuation Parameter) ซึ่งสามารถวัดปริมาณไขมันที่สะสมในเซลล์ตับได้
  • ทำให้เราทราบได้ว่ามีภาวะไขมันพอกตับหรือไม่ และมีความรุนแรงระดับใด ซึ่งเป็นประโยชน์มากในการวินิจฉัยโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (NAFLD)
🖥️ กลไกการทำงาน (แบบเข้าใจง่าย)
ลองนึกภาพการเคาะ "ฟองน้ำใหม่" (ตับปกติ) เทียบกับการเคาะ "ฟองน้ำเก่าที่แห้งแข็ง" (ตับที่เป็นพังผืด)
เครื่อง Fibroscan จะทำงานโดยการปล่อย "คลื่นสั่นสะเทือน" (Mechanical pulse) ความถี่ต่ำเข้าไปในเนื้อตับ และวัดความเร็วของคลื่นที่วิ่งผ่านเนื้อตับนั้น
  • ตับที่นิ่ม (สุขภาพดี): คลื่นจะเดินทางได้ ช้า
  • ตับที่แข็ง (มีพังผืดมาก): คลื่นจะเดินทางได้ เร็ว
เครื่องจะคำนวณความเร็วนี้ออกมาเป็นค่าความแข็ง (หน่วยเป็น กิโลปาสคาล หรือ kPa) ส่วนการวัดไขมัน (CAP) จะใช้หลักการดูว่าคลื่นอัลตราซาวนด์ "ถูกลดทอน" หรือ "หักเห" ไปมากเพียงใดเมื่อผ่านเนื้อตับที่มีไขมัน (หน่วยเป็น เดซิเบลต่อเมตร หรือ dB/m)
🏥 ขั้นตอนการตรวจ
การตรวจด้วย Fibroscan นั้นง่าย สะดวก และรวดเร็วมาก (ใช้เวลาเพียง 5-10 นาที)
1️⃣ การเตรียมตัว: ผู้ป่วยมักจะต้อง งดน้ำและอาหาร อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนตรวจ เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำ
2️⃣ ขณะตรวจ
  • ผู้ป่วยนอนหงายบนเตียง
  • ยกแขนขวาขึ้นไว้เหนือศีรษะ เพื่อให้ช่องซี่โครงเปิดกว้างขึ้น
  • ผู้ตรวจจะทาเจลเย็นๆ (เหมือนเจลอัลตราซาวนด์ทั่วไป) บริเวณผิวหนังระหว่างช่องซี่โครงด้านขวา
  • วางหัวตรวจ (Probe) ลงบนผิวหนัง และเริ่มทำการวัด
  • ขณะวัด ผู้ป่วยจะรู้สึกเหมือนมีอะไรมา "ดีด" ที่ผิวหนังเบาๆ (นั่นคือคลื่นสั่นสะเทือนที่เครื่องปล่อยออกมา) ไม่เจ็บปวด
3️⃣ การวัดผล: ผู้ตรวจจะทำการวัดประมาณ 10 ครั้งในตำแหน่งเดิม เพื่อหาค่าเฉลี่ยที่น่าเชื่อถือ
📑 การแปลผล
หลังการตรวจ แพทย์จะได้ตัวเลขมา 2 ค่าหลัก
1️⃣ ค่าความแข็งของตับ (Fibrosis - หน่วย kPa)
ตัวเลขนี้จะถูกนำไปเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานเพื่อประเมินระยะของพังผืด ซึ่งมักแบ่งเป็น 4 ระยะ (F0-F4)
  • F0 - F1: ไม่มีพังผืด หรือมีเล็กน้อย
  • F2: มีพังผืดระดับปานกลาง
  • F3: มีพังผืดระดับรุนแรง
  • F4: ตับแข็ง (Cirrhosis)
ข้อควรทราบ: ค่าตัวเลข (kPa) ที่ใช้แบ่งระยะ F0-F4 จะแตกต่างกันไปตาม สาเหตุ ของโรคตับ (เช่น เกณฑ์ของไวรัสตับอักเสบ C จะไม่เท่ากับเกณฑ์ของไขมันพอกตับ)
2️⃣ ค่าไขมันในตับ (Steatosis - หน่วย dB/m)
ใช้ประเมินระดับไขมันพอกตับ แบ่งเป็น 4 ระดับ (S0-S3)
  • S0: ไม่มีไขมันพอกตับ
  • S1: มีไขมันพอกตับระดับน้อย
  • S2: มีไขมันพอกตับระดับปานกลาง
  • S3: มีไขมันพอกตับระดับรุนแรง
🤨 ใครบ้างที่ควรตรวจ Liver Fibroscan?
Fibroscan เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการ "คัดกรอง" และ "ติดตามการรักษา" ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคตับเรื้อรัง ได้แก่
  • ผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง: ไวรัสตับอักเสบ บี (Hepatitis B) และ ซี (Hepatitis C) โดยเฉพาะ ผู้ที่สงสัยอาจมีภาวะตับแข็งระยะเริ่ม , ใช้ประเมิน ในกรณีที่อาจมีความคลุมเครือในการเริ่มยา
  • ที่มีภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver): โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงร่วม เช่น
• โรคอ้วน หรือ อ้วนลงพุง
• โรคเบาหวาน (Type 2 Diabetes)
• ไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia)
• ความดันโลหิตสูง
  • ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือเป็นโรคตับจากแอลกอฮอล์ (Alcoholic Liver Disease)
  • ผู้ที่มีค่าเอนไซม์ตับ (AST, ALT) ผิดปกติ โดยไม่ทราบสาเหตุ เพื่อประเมินความเสี่ยงและความรีบด่วนในการตรวจหาสาเหตุ
  • ผู้ป่วยโรคตับจากภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune Hepatitis)
  • ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด ที่อาจมีผลต่อตับในระยะยาว
📊 ความแม่นยำ เมื่อเทียบกับการเจาะชิ้นเนื้อตับ
การเจาะชิ้นเนื้อตับ (Liver Biopsy) ยังคงถือเป็น "มาตรฐานทอง" (Gold Standard) ในการวินิจฉัยโรคตับ เพราะแพทย์สามารถส่องเห็นเซลล์ตับและการเรียงตัวของพังผืดได้โดยตรง แต่ก็มีข้อจำกัดคือ เจ็บ, มีความเสี่ยง (เช่น เลือดออก) และเป็นการสุ่มตรวจเพียงจุดเล็กๆ ของตับเท่านั้น (ขนาดเท่ารูเข็ม)
Liver Fibroscan ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ และมีความแม่นยำที่น่าสนใจดังนี้
ข้อดีของ Fibroscan 👍
ตรวจในวงกว้าง: Fibroscan ประเมินเนื้อตับในปริมาตรที่ใหญ่กว่าการเจาะชิ้นเนื้อประมาณ 100 เท่า ทำให้ลดความคลาดเคลื่อนจากการสุ่มตรวจ (Sampling error)
ความแม่นยำสูงในการแยกกลุ่มและการติดตาม
  • มีความแม่นยำสูงมากในการ "แยกคนปกติ" (F0-F1) ออกจากคนที่มีพังผืดนัยสำคัญ (F2 ขึ้นไป)
  • มีความแม่นยำสูงมากในการ "ยืนยันภาวะตับแข็ง" (F4)
  • ปลอดภัยและติดตามผลง่าย: เพราะไม่เจ็บและไม่มีความเสี่ยง จึงสามารถใช้ตรวจติดตามการรักษาได้บ่อยๆ เพื่อดูว่าตับของผู้ป่วยดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร
ข้อจำกัดของ Fibroscan ⚠️
ความแม่นยำลดลงในบางภาวะ
  • ผู้ที่อ้วนมาก (BMI สูง) หรือมีผนังหน้าท้องหนา อาจตรวจวัดได้ยาก
  • ผู้ที่มีภาวะตับอักเสบรุนแรงเฉียบพลัน (Acute Hepatitis) ค่าเอนไซม์ตับ (AST/ALT) ที่สูงมาก จะทำให้ค่าความแข็งของตับ "สูงเกินจริง" ชั่วคราว (เพราะตับบวม ไม่ใช่เพราะพังผืด)
  • ผู้ที่มีภาวะท้องมาน (มีน้ำในช่องท้อง) หรือภาวะหัวใจล้มเหลว
จุดอ่อนในการแยกระยะกลาง: Fibroscan อาจมีความแม่นยำน้อยลงในการแยกระยะพังผืดที่อยู่ติดกัน เช่น แยก F1 ออกจาก F2
สรุป: Liver Fibroscan เป็นเครื่องมือคัดกรองและติดตามผลที่ยอดเยี่ยม มีความแม่นยำสูงในการประเมินภาวะพังผืดและไขมันพอกตับ ช่วยลดความจำเป็นในการเจาะตับโดยไม่จำเป็นได้อย่างมาก แพทย์จะใช้ข้อมูลจาก Fibroscan ร่วมกับผลเลือด ประวัติ และการตรวจร่างกายอื่นๆ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
Liver Fibroscan® (หรือที่รู้จักในชื่อ Transient Elastography) คือเครื่องมือการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์แบบไม่รุกราน (non-invasive) ที่ใช้ในการประเมินสุขภาพของตับ โดยสามารถวัดค่าสำคัญได้ 2 ประการพร้อมกัน คือ ภาวะพังผืดในตับ (Liver Stiffness) และ ปริมาณไขมันสะสมในตับ (Hepatic Steatosis)
นี่คือรายละเอียดเชิงลึกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ครับ
🏷️ LSM : Liver stiffness measurement
LSM ใช้ในการประเมินระดับความรุนแรงของ Fibrosis (F0-F4)
ค่าจุดตัด (Cut-off values) ของ LSM (kPa) จะแตกต่างกันไปอย่างมีนัยสำคัญ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรคตับ ค่าโดยประมาณ
•ระดับ F2 ขึ้นไป (Significant fibrosis) >7.0 - 8.0 kPa
•ระดับ F3 ขึ้นไป (Advanced fibrosis) >9.5 - 11.0 kPa
•ระดับ F4 (Cirrhosis) >13.0 - 15.0
🏷️ CAP : Controlled attenuation parameter
CAP ใช้ในการประเมินระดับความรุนแรงของ Steatosis (S0-S3)
• S0: ไม่มีไขมัน (<5-10%)
• S1 (Mild): ไขมันสะสม 11% - 33%
• S2 (Moderate): ไขมันสะสม 34% - 66%
• S3 (Severe): ไขมันสะสม >66%
จุดตัด (Cut-off) โดยประมาณ:
• S1: ~238 - 260 dB/m
• S2: ~260 - 290 dB/m
• S3: > 290 dB/m
(หมายเหตุ: ค่าเหล่านี้อาจแตกต่างกันเล็กน้อยตาม M-probe หรือ XL-probe ที่ใช้)
📊 ความแม่นยำในการประเมินพังผืด (LSM vs. Fibrosis Stage)
โดยทั่วไป ความแม่นยำของ LSM (ค่า kPa) จะเพิ่มขึ้นตามความรุนแรงของพังผืด (ยิ่ง F stage สูง, AUROC ยิ่งสูง)
จากการศึกษา Meta-analysis ขนาดใหญ่ (รวบรวมผู้ป่วยกว่า 10,537 ราย) พบว่าค่า Area Under the Receiver Operating Characteristic (AUROC) ของ LSM ในการวินิจฉัย Fibrosis stage เมื่อเทียบกับ Biopsy (METAVIR score) มีดังนี้
  • มากกว่าหรือเท่ากับ F1 (Any fibrosis): AUROC ~ 0.85
  • มากกว่าหรือเท่ากับ F2 (Significant fibrosis): AUROC ~ 0.83 - 0.89
  • มากกว่าหรือเท่ากับ F3 (Advanced fibrosis): AUROC ~ 0.90
  • F4 (Cirrhosis): AUROC ~ 0.92 - 0.93
ข้อสังเกตทางคลินิก
  • Excellent Performance for Advanced Disease: Fibroscan มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในการวินิจฉัยภาวะ F3 และ F4 ซึ่งมีความสำคัญทางคลินิกในการคัดกรองผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวัง Hepatocellular Carcinoma (HCC) หรือมีภาวะ Portal Hypertension
  • High NPV: ค่า LSM ที่ต่ำมาก (เช่น < 6-7 kPa ขึ้นกับสาเหตุของโรค) มี Negative Predictive Value (NPV) ที่สูงมากในการตัดภาวะ Advanced Fibrosis ออกไป
📊 ความแม่นยำในการประเมินไขมัน (CAP vs. Steatosis Grade)
ในทางตรงกันข้ามกับ LSM, ความแม่นยำของ CAP (ค่า dB/m) จะสูงที่สุดในการตรวจจับไขมันระดับเล็กน้อย (Mild) และจะลดลงเล็กน้อยเมื่อประเมินระดับความรุนแรงที่สูงขึ้น
จาก Meta-analysis ชุดเดียวกัน พบว่าค่า AUROC ของ CAP ในการวินิจฉัย Steatosis grade (S grade) มีดังนี้
  • มากกว่าหรือเท่ากับ S1 (Mild, >10%): AUROC ~ 0.92
  • มากกว่าหรือเท่ากับ S2 (Moderate, >33%): AUROC ~ 0.79 - 0.91
  • S3 (Severe, >66%): AUROC ~ 0.78 - 0.88
ข้อสังเกตทางคลินิก
  • Excellent for Detection: CAP มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในการตรวจจับว่ามีภาวะไขมันสะสมในตับหรือไม่ (Steatosis มากกว่าหรือเท่ากับ S1)
  • Fair-to-Good for Grading: ความแม่นยำในการแยกแยะระหว่าง S2 และ S3 จะต่ำกว่าการตรวจจับ S1
⚠️ ข้อควรพิจารณาและปัจจัยรบกวน (Confounders & Discrepancies)
แม้ว่า Fibroscan จะมีความแม่นยำสูง แต่ก็มีรายงาน Discrepancy (ความไม่สอดคล้อง) กับผล Biopsy ได้ โดยเฉพาะค่า LSM ที่อาจสูง "ปลอม" (Falsely elevated) ได้จากปัจจัยเหล่านี้
1. ภาวะหัวใจล้มเหลว (CHF - Congestive Heart Failure)
กลไก: ภาวะ CHF (โดยเฉพาะ Right-sided Heart Failure) ทำให้เกิด ภาวะตับคั่งเลือด (Hepatic Congestion)
ผลต่อค่า LSM: เมื่อเลือดคั่งอยู่ในตับ (passive congestion) จะทำให้แรงดันใน Sinusoids และ Central veins เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เนื้อตับโดยรวมมีความ "ตึง" หรือ "แข็ง" (stiff) มากขึ้น ซึ่งเป็นความแข็งที่เกิดจากแรงดันของเหลว (turgor) ไม่ใช่จากพังผืด
การแปลผล: ค่า LSM (kPa) จะสูงขึ้นปลอม (Falsely Elevated) อย่างมาก การศึกษาวิจัยพบว่าในผู้ป่วย Acute Decompensated Heart Failure (ADHF) ค่า LSM อาจสูงถึงเกณฑ์ที่วินิจฉัย Cirrhosis (เช่น > 11-14 kPa) ได้ แม้ว่าผู้ป่วยจะยังไม่มีพังผืดรุนแรงก็ตาม
ข้อแนะนำ: Fibroscan ถือว่าไม่น่าเชื่อถือ (unreliable) ในการประเมินพังผืดในผู้ป่วยที่มีภาวะ CHF ที่ยังไม่ได้รับการควบคุม (uncontrolled) หรือมีภาวะ volume overload
สรุป : CHF (Congestion) Falsely High LSM
2. ภาวะเหล็กเกิน (Hemochromatosis)
กลไก: ภาวะนี้มี 2 ปัจจัยที่ต้องพิจารณา
  • การสะสมของธาตุเหล็ก (Iron Deposition): มีบางการศึกษาตั้งข้อสังเกตว่าการที่โมเลกุลเหล็ก (Ferritin, Hemosiderin) สะสมในเซลล์ตับ (Hepatocytes) และ Kupffer cells อาจเพิ่มความหนาแน่น (density) ของเนื้อตับ และอาจส่งผลต่อค่า LSM บ้างเล็กน้อย แต่ข้อมูลยังไม่ชัดเจนเท่าปัจจัยอื่น
  • การเกิดพังผืด (Fibrogenesis): นี่คือปัจจัยหลักครับ ธาตุเหล็กที่มากเกินไป (iron overload) ทำหน้าที่เป็น pro-oxidant ที่ทรงพลัง, กระตุ้น stellate cells และนำไปสู่การสร้างพังผืดจริง (true fibrosis) และพัฒนาไปสู่ Cirrhosis ได้
การแปลผล: Fibroscan สามารถใช้ในการตรวจจับพังผืดที่เกิดจาก Hemochromatosis ได้ (ซึ่งต่างจาก CHF) การศึกษาพบว่าค่า LSM มีความสัมพันธ์กับระดับพังผืดในผู้ป่วย Hemochromatosis
ข้อควรระวัง: หากมีภาวะตับอักเสบเฉียบพลัน (acute hepatitis) จากธาตุเหล็ก (ซึ่งพบได้น้อยกว่า) หรือมีภาวะอักเสบจากสาเหตุอื่นร่วมด้วย ค่า LSM ก็อาจสูงขึ้นปลอมได้เช่นกัน แต่โดยทั่วไป ค่า LSM ในภาวะนี้มักจะสะท้อนถึง "พังผืดจริง" ที่เกิดจากโรค
สรุป : Hemochromatosis Reflects True Fibrosis (เว้นแต่มีการอักเสบร่วม)
3. ภาวะตับอักเสบจากภูมิต้านตนเอง (Autoimmune Hepatitis - AIH)
กลไก: หัวใจสำคัญของ AIH คือ การอักเสบรุนแรง (Severe Inflammation)
ผลต่อค่า LSM: ในช่วงที่โรคกำลังกำเริบ (Active flare) จะมีการอักเสบ (hepatitis), ภาวะบวมน้ำของเซลล์ (cellular edema), และ Necroinflammation อย่างรุนแรง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เนื้อตับ "บวม" และ "ตึง" (stiff) ขึ้นอย่างมาก โดยไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับระดับพังผืดที่มีอยู่จริง
การแปลผล: ค่า LSM จะสูงขึ้นปลอม (Falsely Elevated) อย่างชัดเจน ในผู้ป่วย Active AIH (ที่มักจะมีค่า ALT/AST สูงมาก) ค่า LSM อาจสูงในระดับที่บ่งชี้ Cirrhosis (F4) ทั้งที่ผล Biopsy อาจจะยังเป็นแค่ F1 หรือ F2
ข้อแนะนำ: Fibroscan ไม่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง หากใช้ในช่วงที่โรคกำเริบ (Active AIH) ควรทำการตรวจเมื่อโรคสงบ (in remission) หรือหลังจากที่ค่า LFTs (โดยเฉพาะ ALT) กลับสู่ภาวะปกติหรือใกล้เคียงปกติแล้ว เพื่อให้ค่า LSM สะท้อนถึงระดับพังผืด (fibrosis) ที่แท้จริง ไม่ใช่การอักเสบ (inflammation)
สรุป : Active AIH (Inflammation) Falsely High LSM
แม้ว่า Fibroscan จะมีความแม่นยำสูง แต่ก็มีรายงาน Discrepancy (ความไม่สอดคล้อง) กับผล Biopsy ได้ โดยเฉพาะค่า LSM ที่อาจสูง "ปลอม" (Falsely elevated) ได้จากปัจจัยเหล่านี้
  • ภาวะตับอักเสบ (Hepatitis): ค่า ALT ที่สูงมาก (Acute inflammation) สามารถทำให้ค่า LSM สูงขึ้นได้ แม้ว่าพังผืด (fibrosis) จริงอาจจะไม่รุนแรง
  • ภาวะไขมันพอกตับรุนแรง (Severe Steatosis) / NASH: ในผู้ป่วย NASH หรือมีไขมันสะสมรุนแรง อาจส่งผลต่อความแม่นยำของ LSM ได้
  • ปัจจัยทางเทคนิค: เช่น ภาวะอ้วน (BMI สูง), Ascites, หรือช่องซี่โครงแคบ อาจทำให้การวัดผลล้มเหลว (Failure) หรือผลไม่น่าเชื่อถือ (Unreliable)
  • ภาวะอื่นๆ: เช่น Biliary obstruction , etc.
📊 LSM related clinical significant Portal HT
ค่า LSM จึงมีความสัมพันธ์เชิงเส้น (Linear correlation) ที่ดีมากกับค่า Hepatic Venous Pressure Gradient (HVPG) ซึ่งเป็น Gold Standard ในการวัด Portal Pressure
CSPH (Clinically Significant Portal Hypertension)
(นิยาม: HVPG \geq 10 mmHg ซึ่งเป็นจุดที่เริ่มมีความเสี่ยงต่อการเกิด Decompensation เช่น Varices, Ascites)
การศึกษา Meta-analysis จำนวนมากยืนยันว่า LSM มีความแม่นยำสูง (High diagnostic accuracy) ในการวินิจฉัย CSPH
  • AUROC: ความแม่นยำของ LSM ในการวินิจฉัย CSPH อยู่ในระดับยอดเยี่ยม โดยมีค่า AUROC ~ 0.90 - 0.95
  • Cut-off Value: ค่า Cut-off ของ LSM ที่ประมาณ 18 - 22 kPa (อาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามสาเหตุของโรค) มีความไว (Sensitivity) และความจำเพาะ (Specificity) ที่สูงในการทำนายภาวะ CSPH
📊 การทำนายหลอดเลือดขอดในหลอดอาหาร (Esophageal Varices - EV)
  • AUROC: ความแม่นยำในการทำนายการมีอยู่ของ Varices (Any grade) อยู่ที่ AUROC ~ 0.85 - 0.90
  • Cut-off Value: ค่า Cut-off ที่ประมาณ ~ 20 kPa มักถูกใช้เป็นเกณฑ์ที่มีความไวสูงในการคัดกรองผู้ป่วยที่ควรได้รับการส่องกล้อง (EGD) เพื่อหา Varices
ข้อมูลความสัมพันธ์นี้ได้ถูกนำมาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติทางคลินิกที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง คือ Baveno VII Criteria (2022) เพื่อจัดการผู้ป่วย Compensated Advanced Chronic Liver Disease (cACLD)
เป้าหมายคือการใช้ LSM ร่วมกับเกล็ดเลือด (Platelet count) เพื่อ "คัดกรองผู้ป่วยที่สามารถหลีกเลี่ยงการส่องกล้อง (EGD) ได้อย่างปลอดภัย"
  • Baveno VII "Rule-Out" Criteria
(สำหรับผู้ป่วย Compensated advanced chronic liver disease F3-4 ที่ยังไม่เคยมีประวัติ Decompensation)
ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่ำมากที่จะมี Varices Needing Treatment (VNT) และสามารถ หลีกเลี่ยงการส่องกล้อง (EGD) ได้ หากเข้าเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้
  • LSM < 15 kPa (ไม่ว่าเกล็ดเลือดจะเท่าใดก็ตาม)
  • LSM 15 - 20 kPa และ Platelets >150,000/mm³
  • Baveno VII "Rule-In" CSPH
(สำหรับพิจารณาเริ่ม Non-selective beta-blockers)
  • ผู้ป่วยที่มี LSM \geq 25 kPa ถือว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมี CSPH (High probability of CSPH)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา