16 พ.ย. เวลา 12:00 • สุขภาพ

ดื่มน้ำแค่ไหนดีต่อร่างกาย แบบไหนมากเกินไป

ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว เป็นคำแนะนำยอดฮิตที่ทุกคนเคยได้ยิน แต่คำถามคือ มันจริงเสมอไหม? บางคนดื่ม 2 ลิตรยังไม่พอ บางคนแค่ 1 ลิตรครึ่งก็วิ่งเข้าห้องน้ำจนนับครั้งไม่ถ้วน แล้วแบบไหนที่เรียกว่าดีต่อร่างกายกันแน่?
คำตอบคือ ไม่มีสูตรตายตัวสำหรับทุกคน เพราะความต้องการน้ำ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งน้ำหนักตัว, การเคลื่อนไหว, อุณหภูมิ, อาหารที่กิน ฯลฯ
น้ำ พื้นฐานที่ร่างกายใช้ตลอดเวลา
ร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 60-70% ทุกระบบในร่างกาย เลือด, สมอง, กล้ามเนื้อ, การย่อยอาหาร ล้วนพึ่งพาน้ำ
การดื่มน้ำน้อยเกินไป ส่งผลทันที เช่น
  • ปวดหัว
  • เหนื่อยง่าย
  • ปากแห้ง ลิ้นหนืด
  • ปัสสาวะเข้ม
  • ขับถ่ายยาก
  • สมองเบลอ ความจำสั้น
และในระยะยาว อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อ
  • นิ่วในไต
  • ความดันโลหิตสูง
  • การไหลเวียนเลือดผิดปกติ
  • ผิวแห้งเรื้อรัง
  • สมรรถภาพในการออกกำลังกายลดลง
แล้วเราควรดื่มน้ำวันละเท่าไหร่กันแน่?
ปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวันต่างกันตามปัจจัยหลายอย่าง
โดยทั่วไป วิธีคำนวณง่ายๆ คือ
น้ำหนักตัว (กก.) × 30 ml = ปริมาณน้ำต่อวันโดยประมาณ
เช่น หนัก 60 กก. ควรดื่มประมาณ 1.8 ลิตร/วัน
แต่ตัวเลขนี้ไม่ใช่ข้อบังคับเพราะต้องดูปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น
  • ออกกำลังกายหนัก เสียน้ำผ่านเหงื่อ ต้องดื่มเพิ่มอีก 0.5-1 ลิตร
  • อยู่ในอากาศร้อน หรือห้องแอร์ทั้งวัน เสียน้ำทางผิวโดยไม่รู้ตัว
  • กินอาหารแห้ง เค็ม หรือโปรตีนสูง ต้องการน้ำมากขึ้น
  • คนมีโรคไต หัวใจ หรือภาวะบวมน้ำ ต้องดื่มตามคำแนะนำแพทย์เท่านั้น
ดื่มน้ำมากเกินไปก็ไม่ดี
หลายคนพอได้ยินว่าน้ำดี ก็เริ่มดื่มแบบไม่ลิมิต แต่การดื่มน้ำมากเกินไปในเวลาสั้นๆ อาจทำให้เกิดภาวะ น้ำเกิน (Hyponatremia) คือเลือดเจือจางเกินไป จนระดับโซเดียมในร่างกายตก เกิดอาการที่อันตรายได้
สัญญาณเตือนว่าคุณอาจดื่มน้ำมากเกินไป เช่น
  • ปัสสาวะใสเกินไปตลอดทั้งวัน
  • ปวดหัว ง่วง หงุดหงิด
  • รู้สึกจุก แน่นพุงตลอดเวลา
  • เป็นตะคริวง่ายโดยไม่มีสาเหตุ
  • เหนื่อยเพลีย แม้ไม่ได้ทำอะไรหนัก
กลุ่มคนที่เสี่ยงโดยเฉพาะคือ
  • คนออกกำลังกายแล้วดื่มแต่น้ำ ไม่เติมเกลือแร่
  • คนที่พยายามดื่มทีละเยอะๆ เช่น ดื่มรวดเดียว 1 ลิตรหลายรอบ
  • คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตหรือฮอร์โมนควบคุมของเหลว
วิธีดื่มน้ำแบบพอดีและดีพอในชีวิตจริง
แบ่งเวลาดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ อย่าอัดรวดเดียว
1. แบ่งดื่มตลอดวัน ไม่ดื่มรวดเดียว
ไม่ใช่พกขวด 2 ลิตร แล้วกระดกหมดช่วงบ่าย ควรจิบเรื่อยๆ ทีละ 150-250 ml ทุก 1-2 ชั่วโมง
2. เช็กสีปัสสาวะเป็นแนวทางคร่าวๆ
เหลืองใส = โอเค
ใสเกิน = อาจมากไป
เหลืองเข้ม/ส้ม = ดื่มน้ำน้อยไป
3. สังเกตร่างกายตัวเอง มากกว่าตัวเลข
ถ้าปากแห้ง หัวเบา ผิวแห้งเร็ว = ขาดน้ำ
ถ้าปัสสาวะบ่อยจนรำคาญ หรือแน่นท้องบ่อยๆ = อาจมากเกิน
4. เลือกน้ำจากอาหารบ้าง
ผลไม้ น้ำซุป ผักใบเขียว ช่วยเพิ่มน้ำแบบไม่รู้ตัว ไม่จำเป็นต้องดื่มแต่น้ำเปล่าทั้งหมด
สรุป ดื่มน้ำให้พอดี ฟังร่างกาย ไม่ใช่แค่ตามสูตร
การดื่มน้ำไม่ใช่การทำภารกิจให้ครบ แต่คือการฟังร่างกายให้ได้รับน้ำในแบบที่พอดีกับแต่ละวัน บางวันเราขยับเยอะ ออกแดด เล่นเวท บางวันเราอยู่บ้านเฉยๆ นอนดูซีรีส์ ความต้องการน้ำก็ต่างกันทุกวัน
ไม่มีสูตรไหนแม่นเท่าความรู้สึกร่างกายตัวเอง ถ้าเหนื่อย ง่วง เบลอ ปากแห้ง ดื่ม / ถ้าปัสสาวะถี่ จุกพุง ง่วงหลังดื่ม ก็ลดลง อยู่ตรงกลาง ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป คือที่สุดแล้ว
#ดื่มน้ำอย่างมีสติ
#น้ำมากไปก็ไม่ดี
#ดูแลร่างกายตามบริบท
#ดื่มแบบไม่ฝืน
#ใบเลี้ยงเดี่ยวHealthy
โฆษณา