Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Witly. - เปิดโลกวิทย์แบบเบา ๆ
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 09:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
🏔️ ไม่ใช่แค่ทำลาย! DNA โบราณชี้ ไวกิ้งอาจไปถึงไอซ์แลนด์เร็วกว่าที่คิด และไม่ได้ทำลายป่า
เมื่อพูดถึงการตั้งถิ่นฐานในไอซ์แลนด์ ภาพจำของเราคืออะไรครับ? ...คือชาวไวกิ้งผู้บึกบึนที่ล่องเรือมาถึงในทศวรรษที่ 870 และลงมือถางป่าจนเหี้ยนเตียน เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงและสร้างบ้านเรือน จนเกาะที่เคยเขียวชอุ่มเหลือป่าไม้เพียง 2% ในปัจจุบัน
นี่คือเรื่องเล่าที่น่าเศร้าทางนิเวศวิทยาที่เราได้ยินกันมาตลอด... แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมบอกคุณว่าเรื่องเล่านี้อาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด?
หลักฐานทางชีวเคมีที่เพิ่งถูกค้นพบ กำลังท้าทายประวัติศาสตร์กระแสหลักถึงสองประเด็นใหญ่:
1.
ชาวนอร์สอาจมาถึงไอซ์แลนด์ เร็วกว่าที่บันทึกไว้เกือบ 70 ปี
2.
การมาถึงของพวกเขา อาจไม่ได้เป็นหายนะต่อสิ่งแวดล้อมในทันที
🔍 หลักฐานที่ซ่อนอยู่ในก้นทะเลสาบ
Geographic location and depositional sequence of Tjörnin, Reykjavík, Iceland.
การหาหลักฐานที่แน่ชัดว่าผู้ตั้งถิ่นฐานกลุ่มแรกมาถึงเมื่อไหร่นั้นเป็นเรื่องยากมาก แต่ล่าสุด เอสเก วิลเลอร์สเลฟ (Eske Willerslev) และทีมงาน ได้ใช้วิธีการที่น่าทึ่ง พวกเขาเจาะเอาแท่งตะกอนดินจากก้นทะเลสาบ Tjörnin ในเมืองเรคยาวิก (Reykjavík) ซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนที่เก่าแก่ที่สุดของไอซ์แลนด์ เพื่อสกัด DNA เชิงสิ่งแวดล้อม (eDNA)
eDNA คือเศษซาก DNA จิ๋วๆ ที่สิ่งมีชีวิตทิ้งไว้ในสภาพแวดล้อม มันเปรียบเสมือน “บันทึกประวัติศาสตร์” ทางชีวภาพที่ถูกเก็บไว้ในชั้นดินตะกอน และเมื่อนำมาวิเคราะห์เทียบกับชั้นเถ้าภูเขาไฟที่เรารู้อายุแน่ชัด (เช่น ชั้นเถ้า Landnám ในปี ค.ศ. 877) พวกเขาก็ได้พบกับจุดที่น่าสนใจจุดแรก
🧭 จุดที่น่าสนใจจุดที่ 1: พวกเขามาถึงก่อนหน้า
นักวิจัยพบ “สัญญาณ” ของมนุษย์ที่ชัดเจนในชั้นดินที่อยู่ “ใต้” ชั้นเถ้าภูเขาไฟปี 877 ซึ่งเปรียบเสมือน “คราบเขม่าดินปืน” ที่ชี้ว่ามีคนอยู่ที่นั่นก่อนการระเบิดแล้ว!
พวกเขาพบว่าในช่วงประมาณ ปี ค.ศ. 810 (หรือราว 70 ปีก่อนหน้า) มีการเพิ่มขึ้นของสารประกอบ levoglucosan (ตัวบ่งชี้การเผาไหม้ชีวมวล) และที่สำคัญคือ มีการเพิ่มขึ้นของไวรัสที่เกี่ยวข้องกับสิ่งปฏิกูลของมนุษย์
“ถ้ามันเป็นปี 850 ผมคงไม่ประหลาดใจเท่าไหร่ แต่ปี 810 นี่มันเร็วมากสำหรับการขยายตัวของไวกิ้งในแอตแลนติกเหนือ” คริส คอลโลว์ (Chris Callow) จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม กล่าว
🌲 จุดที่น่าสนใจจุดที่ 2: ไวกิ้งผู้ไม่ได้ทำลายป่า?
ตรงกันข้ามกับตำนานเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าอย่างรวดเร็ว ข้อมูล eDNA จากละอองเรณูกลับเล่าเรื่องราวที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
ต้นเบิร์ชและต้นวิลโลว์กลับขยายตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผู้ตั้งถิ่นฐานมาถึง!
ตัวอย่างเช่น ละอองเรณูของต้นเบิร์ชเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 900 ถึง 1200 นักวิจัยคิดว่านี่อาจเป็นผลมาจากการ “จัดการ” อย่างตั้งใจ โดยชาวนอร์สอาจกันปศุสัตว์ของตน (ที่พวกเขานำเข้ามา) ให้ออกห่างจากต้นไม้ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะมีไม้ไว้ใช้เป็นเชื้อเพลิงและวัสดุก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง
“นี่คือตะปูตอกฝาโลงสำหรับเรื่องเล่าเก่าๆ ที่ว่าไวกิ้งมาถึงไอซ์แลนด์ปุ๊บ แล้วทันใดนั้น ‘โอ้ ไม่นะ สิ่งแวดล้อมถูกทำลาย’ ปั๊บ” แคธริน แคทลิน (Kathryn Catlin) จากมหาวิทยาลัยแจ็กสันวิลล์สเตตกล่าว
❓ แล้วป่าหายไปไหน?
ข้อมูล eDNA ชี้ว่าการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพครั้งใหญ่ รวมถึงต้นเบิร์ชและวิลโลว์ ไม่ได้เกิดขึ้นจนกระทั่ง หลังปี ค.ศ. 1200
ทีมวิจัยสันนิษฐานว่าการทำลายป่าที่แท้จริง อาจเกิดจากปัจจัยผสมผสานกันระหว่างการเย็นตัวของสภาพอากาศที่เกี่ยวข้องกับ “ยุคน้ำแข็งน้อย” (Little Ice Age) ร่วมกับการระเบิดของภูเขาไฟ และพายุชายฝั่งที่รุนแรงขึ้น
🏡 ประวัติศาสตร์และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนกว่าที่คิด
เรื่องราวจากไอซ์แลนด์ได้สอนบทเรียนสำคัญสำหรับคนไทยในชีวิตประจำวัน นั่นคือการตระหนักว่า “ประวัติศาสตร์มักจะซับซ้อนกว่าที่เล่าขานเสมอ”
ในสังคมปัจจุบัน เรามักมองการทำ “ไร่เลื่อนลอย” หรือการใช้ทรัพยากรของคนโบราณว่าเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์กลับชี้ให้เห็นว่า มนุษย์ในอดีตอาจมีความเข้าใจในการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนมากกว่าที่คิด และบางครั้งสิ่งที่ถูกมองว่าเป็น “หายนะทางสิ่งแวดล้อม” อาจไม่ได้เกิดจากการกระทำของมนุษย์เพียงอย่างเดียว หากแต่มีต้นตอมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขา
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ประวัติศาสตร์เขียนใหม่: หลักฐาน eDNA จากก้นทะเลสาบชี้ว่า ชาวนอร์สอาจมาถึงไอซ์แลนด์ตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 810 ซึ่งเร็วกว่าที่บันทึกไว้เกือบ 70 ปี
✅ ไวกิ้งไม่ได้ทำลายป่า (ในทันที): ตรงกันข้ามกับตำนาน การมาถึงของมนุษย์กลับสัมพันธ์กับการขยายตัวของป่าเบิร์ชและวิลโลว์ ซึ่งอาจเกิดจากการ “จัดการ” ทรัพยากรอย่างตั้งใจ
✅ ผู้ร้ายตัวจริง?: การสูญเสียป่าครั้งใหญ่เกิดขึ้นในภายหลัง (หลังปี 1200) และอาจมีสาเหตุหลักมาจาก “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” (ยุคน้ำแข็งน้อย)
✅ หลักฐานยังไม่สิ้นสุด: แม้ข้อมูล eDNA จะน่าสนใจ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนยังคงตั้งข้อสังเกตว่าหลักฐานการมาถึงในปี 810 (เช่น สารบ่งชี้สิ่งปฏิกูล) ยังไม่ชัดเจนและขาดความต่อเนื่อง
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
การค้นพบว่าตำนาน “ไวกิ้งทำลายป่า” อาจไม่เป็นความจริงทั้งหมด... ทำให้คุณมองความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ยุคโบราณกับสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างครับ?
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Kjær, K. H., et al. (2025). Environmental DNA Reveals Reykjavík’s Human and Ecological History. bioRxiv.
https://doi.org/qcv3
🙏 ถึงผู้อ่านทุกท่าน
หากคุณชื่นชอบและเห็นคุณค่าของงานที่ผมทำ การสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณจะเป็นพลังสำคัญอย่างยิ่ง เปรียบเสมือน 'ค่ากาแฟ' ที่ช่วยต่อลมหายใจ และทำให้ผมสามารถเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไปได้ เพื่อให้พื้นที่แห่งการเรียนรู้ของเรายังคงอยู่
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเมตตาจากทุกท่าน เพื่อให้เพจนี้ได้เดินต่อไปครับ
Link สนับสนุนค่ากาแฟ [
https://ezdn.app/witlyofficial
]
ประวัติศาสตร์
โบราณคดี
วิทยาศาสตร์
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
NEWS BRIEF (พฤศจิกายน 2568)
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย