เมื่อวาน เวลา 09:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

⛰️ ไขปริศนา “แนวหลุมงูยักษ์” 5,000 หลุมในเปรู อาจเป็น ‘สเปรดชีต’ ขนาดยักษ์ของชาวอินคา

ลองจินตนาการถึงภูเขาลูกหนึ่งในเปรู ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหลุมลึกลับกว่า 5,000 หลุม ซึ่งเรียงตัวทอดยาวเป็นระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ในรูปร่างที่คล้ายกับ “งูยักษ์” ที่กำลังเลื้อยไปตามไหล่เขา...
นี่คือปริศนาของ “แนวหลุมแห่งมอนเตเซียร์เป” (Band of Holes) ที่ทำให้นักโบราณคดีงุนงงมานานเกือบศตวรรษ นับตั้งแต่มีการเผยแพร่ภาพถ่ายทางอากาศของมันครั้งแรกในปี 1933
ที่ผ่านมามีสมมติฐานมากมายว่ามันคืออะไร... เป็นหลุมศพ? หรือเป็นแปลงสวนประหลาด? แต่ไม่มีทฤษฎีไหนที่ลงตัวเลย... จนกระทั่งล่าสุด ทีมวิจัยได้เสนอแนวคิดที่น่าทึ่งที่สุด: นี่อาจเป็น “อุปกรณ์ทางการบัญชี” ขนาดยักษ์ของชาวอินคา... หรือพูดง่ายๆ ก็คือ “สเปรดชีต (Spreadsheet)” ขนาดยักษ์นั่นเอง!
🌱 ร่องรอยที่ซ่อนอยู่ในดิน
Select pollen from Monte Sierpe: a) Malvaceae from MU01; b) Salix from MU03; c) Typha from MU03; d) Zea mays from MU03 (photographs by C. Kiahtipes).
เพื่อค้นหาความจริง เจค็อบ บองเกอร์ส (Jacob Bongers) และทีมงาน ได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างตะกอนดินจากภายในหลุม และใช้โดรนบินสำรวจเพื่อสร้างภาพถ่ายทางอากาศที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยมีมา
สิ่งที่พวกเขาพบในหลุม คือ ละอองเรณู (Pollen) จากพืชผลทางการเกษตร ทั้งข้าวโพด, พริก และมันเทศ รวมถึงละอองเรณูจากพืชป่าอย่างต้นกก (Typha) ซึ่งมักใช้ในการสานตะกร้าหรือแพ
ที่สำคัญคือ หลุมเหล่านี้อยู่ไกลจากพื้นที่เพาะปลูกมากเกินกว่าที่ละอองเรณูจะปลิวมาตกเองได้... บองเกอร์สจึงสันนิษฐานว่า ผู้คนจากวัฒนธรรมชินชา (Chincha) โบราณ ได้นำผลผลิตของพวกเขาใส่ในตะกร้าสานขนส่งขึ้นมาบนหลังลามะ และนำมา “ฝาก” ไว้ในหลุมเหล่านี้
“ข้อมูลนี้สนับสนุนแนวคิดที่ว่าผู้คนนำสินค้ามายังสถานที่แห่งนี้และเก็บไว้ในหลุม” เขากล่าว “เราคิดว่าในตอนแรกมันอาจเป็นตลาดแลกเปลี่ยนสินค้า... ซึ่งต่อมาได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นอุปกรณ์ทางการบัญชีขนาดใหญ่ ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิอินคา”
🕳️ เมื่อหลุม...ไม่ใช่แค่หลุม
แล้วทำไมถึงคิดว่ามันเป็น “สเปรดชีต” ล่ะ?
คำตอบมาจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศครับ ทีมวิจัยพบว่าหลุมกว่า 5,200 หลุมนี้ ไม่ได้ถูกขุดอย่างมั่วๆ แต่มีการ จัดระเบียบเป็นบล็อกหรือส่วนต่างๆ อย่างน้อย 60 ส่วน
Khipu found near Pisco now held in the Ethnologisches Museum, Berlin.
รูปแบบการจัดเรียงนี้ดันไป คล้ายคลึงกับ “คิปู” (Khipu) หรือเชือกผูกปมที่ชาวอินคาใช้เป็นเครื่องมือบันทึกข้อมูลทางบัญชี ซึ่งเปรียบได้กับเครื่องคิดเลขหรือลูกคิดโบราณ!
“มันมีรูปแบบทางคณิตศาสตร์ที่น่าสนใจอยู่ครับ” บองเกอร์สกล่าว “คุณจะเจอบางส่วนที่มีหลายแถว แถวละ 8 หลุม และส่วนอื่นๆ ที่มีการนับสลับกันไปมา... 8 หลุม, แล้ว 7, แล้ว 8 กับ 7, แล้วก็ 8... มันบ่งชี้ว่ามีความตั้งใจบางอย่างอยู่เบื้องหลัง”
พวกเขาคิดว่าแต่ละส่วนของหลุม อาจใช้แทนกลุ่มคนหรือชุมชนต่างๆ ที่ต้องส่ง “ส่วย” หรือ “ภาษี” ในรูปแบบของสินค้าเกษตร ให้กับจักรวรรดิอินคา
🤔 ข้อโต้แย้ง: มันอาจจะง่ายกว่านั้น?
แน่นอนว่าทฤษฎีนี้ก็ยังมีข้อโต้แย้งครับ คาเรนลีห์ โอเวอร์มันน์ (Karenleigh Overmann) ชี้ว่า ระบบการนับของชาวอินคานั้นเป็น “ฐานสิบ” (Decimal) “ฉันคาดหวังว่าจะเห็นสิ่งต่างๆ ถูกจัดกลุ่มเป็น 10 มากกว่า” เธอกล่าว นอกจากนี้ จำนวนส่วนของหลุม (60) กับจำนวนส่วนของคิปูที่นำมาเทียบ (80) ก็ยังแตกต่างกันอยู่มาก
เธอยังเสนอว่าอาจมีคำอธิบายที่ง่ายกว่านั้น... “ในเปรูมีธรรมเนียมการสร้างภาพวาดบนพื้นดินขนาดยักษ์ (Petroglyphs) ที่มองเห็นได้จากระยะไกลอยู่มาก” เธอกล่าว “บางที... พวกเขาอาจจะแค่สร้างมันขึ้นมาเฉยๆ ก็ได้”
🎨 เมื่อศิลปะ...คือเทคโนโลยี
บองเกอร์สยอมรับความเป็นไปได้นั้น แต่เขาก็แย้งว่า “สองสิ่งสามารถเป็นจริงได้ในเวลาเดียวกัน”
“มันอาจจะเป็นรูปงูยักษ์ที่ยิ่งใหญ่... แต่ก็ทำหน้าที่ในเชิงปฏิบัติการด้วย ผมมองว่าสถานที่นี้คือ ‘เทคโนโลยีทางสังคม’ ชนิดหนึ่ง” เขากล่าว
“พวกเขาไม่มีอินเทอร์เน็ต, ไม่มีโทรศัพท์มือถือ... แล้วผู้คนจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องไปเจอกันที่ไหนและเมื่อไหร่? ...ก็สร้างมันขึ้นมาซะเลย! สร้างสถานที่ขนาดมหึมาที่คุณสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลหลายกิโลเมตร”
🏡 มุมมองใหม่ต่อโบราณสถานไทย
แนวคิดเรื่อง “เทคโนโลยีทางสังคม” (Social Technology) เปิดมุมมองใหม่ให้กับการตีความโบราณสถานในประเทศไทย สถานที่อย่าง ปราสาทหินพิมาย หรือ ปราสาทพนมรุ้ง อาจไม่ได้เป็นเพียงศาสนสถานเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของสังคมในหลายมิติ
  • ศูนย์กลางที่มองเห็นได้จากระยะไกล: ทำหน้าที่เป็นจุดนัดพบและสัญลักษณ์ของอำนาจ
  • ศูนย์กลางการปกครองและเศรษฐกิจ: เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนสินค้าและการติดต่อทางการเมือง
  • ปฏิทินขนาดยักษ์: ใช้กำหนดฤดูกาลเพาะปลูก เช่น ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ขึ้นตรงกับ 15 ช่องประตูของปราสาทพนมรุ้ง
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า มนุษย์ไม่ว่าจะอยู่ที่มุมใดของโลก ต่างพยายามสร้าง “เทคโนโลยีทางสังคม” เพื่อจัดระเบียบชุมชนและเอาชนะข้อจำกัดของธรรมชาติ โบราณสถานจึงไม่ใช่เพียงสิ่งปลูกสร้างทางศาสนา แต่ยังเป็นหลักฐานของการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างระบบสังคมที่มั่นคงและยั่งยืน
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ปริศนางูยักษ์: “แนวหลุม” กว่า 5,000 หลุมในเปรู ที่เรียงตัวคล้ายงูยาว 1.5 กม. เป็นปริศนามานานเกือบศตวรรษ
✅ ทฤษฎี “สเปรดชีต”: งานวิจัยใหม่เสนอว่า นี่อาจเป็น “ระบบบัญชี” ขนาดยักษ์ของชาวอินคา ใช้สำหรับรวบรวมภาษีหรือส่วยจากชุมชนต่างๆ
✅ หลักฐานจากเรณู: พบละอองเรณูของพืชผล (เช่น ข้าวโพด) และพืชที่ใช้สานตะกร้าอยู่ก้นหลุม ชี้ว่ามีการขนส่งสินค้ามายังสถานที่นี้
✅ เชื่อมโยงกับ “คิปู”: การจัดเรียงหลุมเป็นบล็อกๆ และมีรูปแบบทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน (เช่น 8-7-8-7-8) คล้ายกับ “คิปู” หรือเชือกผูกปมที่ใช้บันทึกข้อมูลของชาวอินคา
✅ เทคโนโลยีทางสังคม: มีความเป็นไปได้ว่ามันอาจเป็นทั้ง “ศิลปะ” ขนาดมหึมาที่มองเห็นได้จากระยะไกล และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็น “ศูนย์กลาง” ทางเศรษฐกิจและการปกครองด้วย
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
คุณคิดว่าแนวคิด “สเปรดชีตยักษ์” ของชาวอินคานี้สมเหตุสมผลหรือไม่? หรือคุณคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ “ศิลปะ” ขนาดยักษ์ที่สร้างขึ้นเพื่อความเชื่อบางอย่าง?
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Bongers, J. L., et al. (2025). Indigenous accounting and exchange at Monte Sierpe (‘Band of Holes’) in the Pisco Valley, Peru. Antiquity. https://doi.org/10.15184/aqy.2025.10237
🙏 ถึงผู้อ่านทุกท่าน
หากคุณชื่นชอบและเห็นคุณค่าของงานที่ผมทำ การสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณจะเป็นพลังสำคัญอย่างยิ่ง เปรียบเสมือน 'ค่ากาแฟ' ที่ช่วยต่อลมหายใจ และทำให้ผมสามารถเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไปได้ เพื่อให้พื้นที่แห่งการเรียนรู้ของเรายังคงอยู่
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเมตตาจากทุกท่าน เพื่อให้เพจนี้ได้เดินต่อไปครับ
Link สนับสนุนค่ากาแฟ [https://ezdn.app/witlyofficial]

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา