30 พ.ค. 2022 เวลา 14:07
อริยมรรค มีองค์ ๘ ปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ไม่ได้ เพียงลำพัง
เพื่อความถ้วนรอบในธรรม ลำดับต่อไปนี้ อาตมาจะแสดงธรรมในหัวข้อธรรมว่า อริยมรรคมีองค์8 ปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ไม่ได้ เพียงลำพัง โดยอาตมาได้อาศัยเอามหาจัตตารีสกสูตร ข้อ252 เป็นต้นไป พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่14 เป็นที่ตั้ง เพื่อแสดงธรรมนี้ ขอพวกเรา ได้รับฟังไปตามลำดับเถิด
1
ในรื่องของอริยมรรคมีองค์8 ปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ไม่ได้เพียงลำพังนี้ โดยลำดับที่ผ่านมานั้นอาตมาได้แสดงธรรมในองค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้กับพวกเราได้รับฟังมาตามลำดับว่า องค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้ในอริยสัจ4 และก็นำอริยสัจ4 นี้มาประกาศ ให้หมู่มวลมนุษยชาติได้รู้ตาม ได้ปฏิบัติตามเพื่อความสิ้นทุกข์โดยถ้วนรอบ
อริยสัจ4 คือ ทุกข์1 สมุทัย1 นิโรธ1 มรรค1 นี่คืออริยสัจ4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค โดยเฉพาะข้อมรรคนี้ ก็คืออริยมรรคมีองค์8 เป็นข้อธรรมสำหรับปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ให้สิ้น ออกจากวัฏสงสาร หรือให้พ้นจากสัตว์นรก เดรัจฉาน เปรต มนุษย์ เทวดา ของสรรพชีวิต ออกไปสู่ความเป็น โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหัตผล ตามลำดับ หรือการปฏิบัติเพื่อนิพพาน เพื่อปรินิพพานไปตามลำดับ จะต้องปฏิบัติด้วยมรรคมีองค์8 นี้เท่านั้น
แต่ตามหัวข้อธรรมที่อาตมาแสดงในวันนี้ คือ อริยมรรคมีองค์8 หรือมรรค8 นี้ ปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ไม่ได้เพียงลำพัง
นั่นหมายถึงว่า แม้ธรรมนี้จะเป็นธรรมสำหรับปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ทั้งหมดทั้งมวลของสรรพชีวิต เป็นข้อธรรมสำหรับดับทุกข์ ต้องปฏิบัติที่นี่ ต้องดับทุกข์ด้วยที่นี้ ต้องปฏิบัติที่มรรคมีองค์8 นี้เท่านั้น แต่พอจะปฏิบัติจริงๆ กลับปฏิบัติเพียงลำพังไม่ได้ ปฏิบัติไม่ได้ ไม่ได้เลย
อาตมาอุปมาดังนี้ อาหารสัตว์ชนิดหนึ่ง แม้จะมีตัวหลักๆ อบ่างเช่น ต้มไก่ หรือแกงไก่อย่างนี้ แกงหน่อไม้อย่างนี้ หรือส้มตำมะละกออย่างนี้ มีมะละกอหละเป็นหลัก มีมะละกอเป็นหลัก แต่ถ้าจะตำเพียงมะละกอเพียงอย่างเดียว ไม่เรียกว่าส้มตำแล้ว
ดังนั้นองค์ประชุมแห่งการตำมะละกอนั้นจะต้องมีเครื่องประกอบ มีองค์ประกอบอีกสารพัด จึงจะเรียกว่าสมตำหรือตำมะละกอได้ อุปมาดังนี้ นั่นคือความสำเร็จ จึงจะเกิดว่า เรียกว่า หรือได้กิน หรือได้รับประทานสมตำได้ นั่นคือความสำเร็จ
อุปเดียวนี้ เหมือนกันกับว่ามรรคมีองค์8 นั้น ปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์เพียงลำพังไม่ได้ จะต้องมีองค์ประชุมมาห้อมล้อม มาเป็นปัจจัยห้อมล้อม จึงจะกระทำการปฏิบัติ เพื่อความดับทุกข์ให้สิ้นได้ ถ้าปฏิบัติเพียงลำพังไม่ได้
ดังนั้นจึงขอยกคำตรัสขององค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้กับพวกเราได้รับฟัง มาจากปาลิเลยยสูตร ข้อที่170 เป็นต้นไป พระไตรปิฎกฉบับหลวง เล่มที่17 บ้าง หรือมาจาก สามคามสูตร ข้อที่51 พระไตรปิฎกฉบับหลวง เล่มที่14 นี้บ้าง
ให้พวกเราได้รับฟังดังนี้ว่า มยา ธัมมา อภิญญา เทสิตา เสยยถีทัง สติปัฏฐาน4 สัมมัปปธาน4 อิทธิบาท4 อินทรีย์5 พละ5 โพชฌงค์7 มรรคมีองค์8
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมะที่เราแสดงด้วยความรู้อันยิ่ง ให้แก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมะเหล่านั้นคือ สติปัฏฐาน4 สัมมัปปธาน4 อิทธิบาท4 อินทรีย์5 พละ5 โพชฌงค์7 และมรรคมีองค์8
1
เห็นมะ มีมรรคมีองค์8 อยู่ด้วย แต่องค์ประชุมเบื้องต้น คือ สติปัฏฐาน4 สัมมัปปธาน4 อิทธิบาท4 อินทรีย์5 พละ5 โพชฌงค์7 และมรรคมีองค์8 นี่คือธรรมเหล่าใด ที่เราแสดงด้วยความรู้อันยิ่ง ให้แก่พวกเธอ
ตรงนี้กลับไม่ได้บอกว่ามรรคมีองค์8 เดี่ยวๆ แต่มีองค์ประชุมห้อมล้อม ตรงนี่เรียกว่า โพธิปักขิยธรรม อันเป็นองค์ธรรมที่ประกาศเอาไว้ให้เป็นธรรมสำหรับดับทุกข์ นี่พบในอาการที่1 คือแสดงว่า ธรรมะเหล่าใดที่เราแสดงด้วยความรู้อันยิ่ง
อีกลักษณะหนึ่งพบใน ปาลิเลยสูตร ข้อที่170 เป็นต้นไป พระไตรปิฎกฉบับหลวง เล่มที่17 ว่า มยา ธัมโม วิจยโส เทสิตา เสยยถีทัง สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน4 อิทธิบาท4 อินทรีย์5 พละ5 โพชฌงค์7 มรรคมีองค์8
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมะเหล่าใดที่เราแสดงด้วยความเลือกเฟ้น เลือกเฟ้น ธรรมะเหล่านั้นคือ สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน4 อิทธิบาท4 อินทรีย์5 พละ5 โพชฌงค์7 มรรคมีองค์8 เป็นธรรมอันเดียวกัน
องค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศชัดว่า ธรรมะเหล่าใดที่เราแสดงด้วยความรู้อันยิ่ง1
และธรรมะเหล่าใดที่เราแสดงด้วยความเลือกเฟ้น เลือกเฟ้น คัดสรรให้อย่างดีที่สุด ประเสริฐที่สุดเลย คือ สติปัฏฐาน4 สัมมัปปธาน4 อิทธิบาท4 อินทรีย์5 พละ5 โพชฌงค์7 และมรรคมีองค์8 นี่เป็นองค์ประชุมแห่งธรรมที่ชื่อว่าโพธิปักขยธรรม ที่เป็นธรรมห้อมอมลอม อริยมรรคมีองค์8
ถ้าไม่มีธรรมมาห้อมล้อมอริยมรรคมีองค์8 อันเป็นองค์ธรรมองค์ที่7 หรือเป็นองค์ธรรมองค์ที่4 ในอริยสัจ4 นี้ จะปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์ไม่ได้ ปฏิบัติไม่ได้เลย ไม่ถึงผลเลย ดังนั้น ให้พวกเราได้ตระหนัก ให้พวกเราได้รับรู้ว่า ความลึกซึ้งในธรรมนี้ น่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก
และพอพูดถึงที่ตรงนี้ พูดถึงอริยมรรคมีองค์8 เราจะต้องเป็นผู้รู้ในองค์ประชุมอริยมรรคมีองค์8 ในมหาจัตตารีสกสูตร ที่แสดงไว้โดยรายละเอียดอันประณีต ซึ่งลำดับต่อไปอาตมาจะแสดงให้กับพวกเราได้รับฟังในอริยมรรคมีองค์8 นี้ โดยรายละเอียดก่อน
เพื่อให้พวกเราได้รู้ในธรรมข้อนี้ พอเไปอยู่ในโพธิปักขิยธรรมแล้ว เราจะสามารถปฏิบัติ ตามอริยสัจ4 ตามทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค โดยมรรคนี้ จะปรากฏอยู่ในมหาจัตตารีสกสูตร ให้ละเอียด แล้วเราจะสามารถปฏิบัติตามโพธิปักขิยธรรมได้ ถ้าเราไม่รู้รายละเอียดในมหาจัตตารีสกสูตรแล้ว เราจะปฏิบัติมรรคมีองค์8 ไม่ได้ จะต้องมีธรรมที่ห้อมล้อมเป็นไปตามลำดับ
และทีนี้ และทีนี้ ความสำคัญยังไม่เพียงเท่านี้ ความสำคัญแม้องค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะประกาศว่า มยา ธัมมา อภิญญา เทสิตา ธรรมะเหล่าใดที่เราแสดงด้วยความรู้อันยิ่ง หรือ มยา ธัมโม วิจยโส เทสิตา ธรรมะเหล่าใดที่เราแสดงด้วยความเลือกเฟ้น คือ สติปัฏฐาน4 สัมมัปปธาน4 อิทธิบาท4 อินทรีย์5 พละ5 โพชฌงค์7 และมรรคมีองค์8 นี้
เวลาประการหนะประกาศ เราจะเห็นรายละเอียดของการปฏิบัติโพธิปักขิยธรรม อยู่ในพระสูตรที่ชื่อว่ามหาสติปัฏฐานสูตร แต่พอปฏิบัติจริงๆ แต่พอปฏิบัติจริงๆ กลับจะปรากฏแต่ สติปัฏฐาน4 โพชฌงค์7 และมรรคมีองค์8 เท่านั้น
ปรากฏอยู่ 3 ส่วน สติปัฏฐาน4 กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม แล้วก็เลยไปถึง โพชฌงค์7 สติสัมโพชฌงค์ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิริยสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ อุเบขาสัมโพชฌงค์ อยู่ แล้วก็ไปปรากฏอริยสัจ4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคเลย หรือรายละเอียดของมรรคมีองค์8 อยู่ที่นั่นเลย
1
กลับจะไม่ปรากฏธรรมอีก 4 บท คือ สัมมัปปธาน4 อิทธิบาท4 อินทรีย์5 พละ5 ไม่ปรากฏในนั้นเลย สิ่งเหล่านี้ ข้อธรรมเหล่านี้ เป็นธรรมขององค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของพระอริยเจ้าเท่านั้น ผู้รู้เท่านั้นจึงจะรู้ในเรื่องนี้
สัมมัปธาน4 อิทธิบาท4 อินทรีย์5 พละ5 ไปอยู่ที่ไหน ทั้งๆที่ประกาศ ทั้งๆที่บอกว่า ประกาศชัดว่า ธรรมะเหล่านี้เราประกาศด้วยความรู้อันยิ่ง ธรรมะเหล่านี้เราแสดงด้วยความเลือกเฟ้นแล้ว แต่พอไปปฏิบัติ 4 ธรรมนี้กลับไม่ปรากฏ เรื่องนี้ก็สำคัญ อาจมาจะแสดงให้กับพวกเราไปตามลำดับ
แต่ตอนนี้ให้พวกเราได้รับรู้ว่า พระสูตรที่ชื่อว่ามหาจัตตารีสกสูตรนี้ เป็นพระสูตรที่แสดงอริยมรรคมีองค์8 โดยรายละเอียด โดยวิธีการปฏิบัติ ทุกคนจะต้องรู้ในเรื่องนี้ก่อน จะต้องรู้ในเรื่องนี้ก่อน
เพื่อความไม่เนิ่นช้า หรือไม่ลำบากจนเกิดไปของพวกเรา ตอนเฉพาะตอนนี้ อาตมาจะประกาศให้กับพวกเราได้รับฟังเพียงว่า อริยมรรคมีองค์8 ในข้ออริยสัจ4 ข้อที่4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ข้อที่4 นี้ ปฏิบัติเพียงลำพังเพื่อตวามดับทุกข์ไม่ได้ จะต้องมีธรรมห้อมล้อม จะต้องมีองค์ธรรมห้อมล้อมที่ชื่อว่าโพธิปักขิยธรรม อริยมรรมีองค์8 นี้ จึงจะสามารถปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์ได้
และความลึกซึ้งยังยาวลงไปอีกว่า ถ้าการปฏิบัติมรรคมีองค์8 นี้ หรือปฏิบัติขบวนแห่งโพธิปักขิยธรรม เพื่อให้มรรคมีองค์8 บริบูรณ์นี้ ลำดับของการปฏิบัติ จะต้องปฏิบัติด้วยการกระทำฌาน เท่านั้น ทำด้วยวิธีอื่นไม่ได้ วิธีอื่นๆใดๆที่ใครคิด แอบแฝงคิดขึ้นมา อาทิ การนั่งสมาธิ เดินจงกรมอะไรหนะ ไม่ได้
ต้องเกิดจากการปฏิบัติโพธิปักขิยธรรม ด้วยการกระทำฌานนี้เท่านั้น ต้องทำฌาน
ชี้ให้พวกเราได้ดูเท่านี้ก่อนในวันนี้ ให้พวกเราได้ทราบชัดว่า มรรคมีองค์8 นั้น ประกาศจริงว่าเป็นธรรมข้อธรรมสำหรับดับทุกข์ และก็เป็นธรรมสำหรับดับทุกข์จริงๆ แต่พอจะปฏิบัติแล้ว ปฏิบัติเพียงลำพังไม่ได้
ดังนั้นเราจึงปรากฏพระสูตรที่ชื่อว่าโพธิปักขิยธรรม อันเป็นธรรมห้อมล้อมกัน เป็นปัจจัยประชุมกัน เพื่อปฏิบัติมรรคมีองค์8 ทั้งหมดทั้งมวล เพื่อให้ได้ข้อที่สุดท้าย คือสัมมาสมาธิ
อันเป็นการนำพาสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ในนรก ในเดรฉาน ในเปรต ในมนุษย์ ในเทวดา ให้สิ้นไปให้ได้นั้น ต้องปฏิบัติด้วยขบวนแห่งธรรมที่ชื่อว่าโพธิปักขิยธรรม แต่ธรรมหลักหนะคือ อริยมรรคมีองค์8 ซึ่งแสดงอยู่ในมหาจัตตารีสกสูตรนี้
ลำดับต่อไป หลังจากตอนนี้ไป อาตมาจะแสดงมหาจัตตรีสกสูตร ซึ่้งแสดงโพธิปักขิยธรรม อันเป็นธรรมห้อมล้อมอริยมรรคมีองค์8 เอาไว้นี้ ให้พวกเราได้เห็นชัดๆในส่วนของอริยมรรคมีองค์8 จากมหาจัตตารีสกสูตรนี้ โดยเริ่มที่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ ปฏิบัติอยู่ 7 องค์นี้ แล้วจะได้สัมมาสมาธิตามลำดับ ปฏิบัติอย่างไร
สำหรับตอนนี้อนุโมทนากับทุกคนเอาไว้เท่านี้ก่อน
แสดงธรรมโดย หลวงพ่อ พุทธปัญโญ
วันอังคารที่ 15 เดือน มิถุนายน ปี 2564
โฆษณา