การสืบทอดพระไตรปิฎก

๑.
การสืบทอดแบบมุขปาฐะ
หลังการสังคายนาครั้งที่ ๑ คณะสงฆ์ได้แบ่งหน้าที่กันท่องจำสืบทอดพระธรรมวินัยที่ได้จัดหมวดหมู่ใหม่ ทีฆนิกายท่องจำสืบทอดโดยศิษย์สายพระอานนท์ มัชฌิมนิกายท่องจำสืบทอดโดยศิษย์สายพระสารีบุตร สังยุตตนิกายท่องจำสืบทอดโดยศิษย์สายพระมหากัสสปะ อังคุตตรนิกายท่องจำสืบทอดโดยศิษย์สายพระอนุรุทธ ส่วนพระวินัยปิฎกสืบทอดโดยศิษย์สายพระอุบาลี เรียกว่า การสืบทอดแบบ “มุขปาฐะ”
๒.
การจารึกคำสอนในใบลาน
การจารจารึกเนื้อหาพระไตรปิฎกเป็น “อักขระ” เกิดขึ้นครั้งแรกที่ลังกา ในสมัยพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย หลังพุทธกาลราว ๔๐๐ ปีเศษ เนื่องจากเกิดสงครามชิงอำนาจกันระหว่างทมิฬกับสิงหลยาวนานร่วม ๑๕ ปี เมื่อสงครามสงบ พระเจ้าวัฏฏคามณีอภัยกษัตริย์สิงหลกลับมาครองบัลลังก์อีกครั้ง
คณะสงฆ์เห็นถึงความเสื่อมของมนุษย์ที่ความทรงจำแย่ลง ประกอบกับอาจเกรงว่าในอนาคตหากพระภิกษุผู้ทรงจำพระไตรปิฎกได้รับอันตรายจากภัยสงคราม คำสอน ส่วนนั้นก็อาจจะสาบสูญไปจากโลก จึงได้ดำเนินการจารจารึกพระไตรปิฎกลงเป็นอักษร ธรรมเนียมนี้ได้แพร่หลายมายังประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การจารคัมภีร์ใบลานบาลี เป็นทั้งการสืบทอดคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยังเป็นการสร้างหนังสือที่ภิกษุทั้งหลายได้ใช้ศึกษาพระธรรมวินัย ในวัดต่าง ๆ ที่มีภิกษุอยู่หลายรูปจึงมีการจารคัมภีร์ใบลานกันทั่วไป โดยไปคัดลอกมาจากคัมภีร์ใบลานของวัดใหญ่ ๆ มาเป็นทอด ๆ และเนื่องจากคัมภีร์ใบลานส่วนใหญ่มีอายุได้ราว ๑๐๐-๒๐๐ ปี ก็ค่อย ๆ เสื่อมสภาพไป จึงต้องมีการคัดลอกต่อ ๆ กันมา
ในการจารคัมภีร์ใบลานนั้น ผู้จารมีความอนุรักษ์นิยมอย่างยิ่ง จะคัดลอกจารตามต้นฉบับโดยไม่แก้ไข แม้จะเห็นศัพท์บางตัวที่คิดว่าผิดก็ไม่แก้ เพราะเกรงว่าความจริงแล้วศัพท์นั้นถูกต้องอยู่แล้ว แต่ตนความรู้ไม่ถึงเข้าใจว่าผิด หากไปแก้เข้าตนจะบาปเพราะไปแก้คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ผิดเพี้ยนไป
แต่ธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ว่าจะระมัดระวังเพียงใด ก็ย่อมหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะเกิดความเผอเรอมีความผิดพลาดเกิดขึ้นในกระบวนการจารคัดลอกคัมภีร์ใบลาน เพราะเนื้อหาพระไตรปิฎกมีความยาวนับหมื่นหน้า ที่ผิดเหล่านี้จะถูกคัดลอกต่อ ๆ กันไปและสะสมที่ผิดใหม่ในกระบวนการคัดลอกแต่ละชั้น ซึ่งเราสามารถตรวจสอบว่าคัมภีร์ใบลานบาลีแต่ละฉบับอยู่ในสายการคัดลอกใดด้วยวิธีการทางภาษาศาสตร์ อาทิ คัมภีร์ใบลานที่มีที่ผิดที่เดียวกัน แสดงว่าอยู่ในสายการคัดลอกเดียวกัน
เนื่องจากในช่วง ๔๐๐ ปีแรก คัมภีร์บาลีสืบทอดมาโดยการท่องจำ ภาษาบาลีจึงมีแต่เสียงไม่มีอักษรเป็นของตนเอง เมื่อจารจารึกเป็นอักษรก็ใช้ตัวอักษรของท้องถิ่นนั้น ๆ เช่น อักษรสิงหลในลังกา อักษรขอมในไทยและกัมพูชา อักษรพม่าในเมียนมา อักษรธรรมในล้านนา (ภาคเหนือของประเทศไทยปัจจุบัน) และล้านช้าง (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในปัจจุบันและประเทศลาว) ซึ่งในอดีตดินแดนแถบนี้เป็นอาณาจักรอิสระ เกิดเป็นคัมภีร์ใบลานบาลี ๔ สายจารีตใหญ่ สืบทอดกันมา_๑
_๑ ยังมีคัมภีร์ใบลานบาลีอีกสายจารีตหนึ่ง คือ จารึกด้วยอักษรมอญ ซึ่งในอดีตเป็นอาณาจักรอิสระอยู่ทางตอนล่างของเมียนมาปัจจุบัน พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก แต่ถูกพม่ากลืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพม่า เมื่อ พ.ศ. ๒๓๐๐ อักษรพม่าในปัจจุบันก็ยืมมาจากอักษรมอญนั้นเอง โครงการพระไตรปิฎกฉบับธรรมชัยจึงพยายามเสาะหาคัมภีร์ใบลานบาลีอักษรมอญ ซึ่งหากได้มาจะเป็นประโยชน์ และมีคุณค่าทางวิชาการสูง ซึ่งก็ได้มาจำนวนหนึ่งยังไม่มากนัก ถือเป็นการศึกษาคัมภีร์ใบลานบาลี จารีตอักษรมอญครั้งแรกในโลก
การพิมพ์พระไตรปิฎกเป็นหนังสือเล่ม
การจัดพิมพ์พระไตรปิฎกเป็น “หนังสือเล่ม” เกิดขึ้นครั้งแรกโดยนักวิชาการตะวันตกที่ได้ศึกษาภาษาบาลีจนแตกฉาน มีความต้องการจะให้คนอื่น ๆ มีโอกาสศึกษาคำสอนอันประเสริฐของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้าง จึงได้ปริวรรตคัมภีร์บาลีจากตัวอักษรท้องถิ่นเป็นอักษรโรมันที่ชาวตะวันตกและชาวโลกมีความคุ้นเคยมากกว่า
และตรวจชำระคัมภีร์ใบลานตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มเพื่อความสะดวกในการศึกษา เริ่มจากคัมภีร์พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และคัมภีร์ไวยากรณ์บาลีต่าง ๆ ต้นฉบับคัมภีร์ใบลานที่ใช้ในการตรวจชำระส่วนใหญ่จะเป็นคัมภีร์ใบลานอักษรสิงหลและอักษรพม่า เนื่องจากศรีลังกาและพม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษจึงสะดวกในการเข้าไปรวบรวมคัมภีร์ใบลาน รวมทั้งใช้คัมภีร์ใบลานอักษรขอมจากประเทศไทยด้วยบางส่วน ส่วนคัมภีร์ใบลานบาลีอักษรธรรมนั้น ในช่วงแรกยังไม่ถูกใช้ เนื่องจากนักวิชาการตะวันตกยังไม่ทราบ คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย
การตรวจชำระและจัดพิมพ์พระไตรปิฎกบาลีเป็นหนังสือในยุโรปมีความก้าวหน้าครั้งใหญ่ เมื่อ ศาสตราจารย์ ดร. ที. ดับบลิว. รีส เดวิดส์ แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน ซึ่งเคยได้รับแต่งตั้งเป็นข้าหลวงอังกฤษประจำศรีลังกา ได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าและภาษาบาลีจนแตกฉาน เกิดความเลื่อมใสศรัทธาจึงได้ก่อตั้ง สมาคมบาลีปกรณ์ (The Pali Text Society : PTS) ขึ้นที่ประเทศอังกฤษ
โดยเชิญชวน นักวิชาการบาลีในประเทศต่าง ๆ ให้ช่วยกันตรวจชำระคัมภีร์บาลีแล้วทางสมาคมฯ ดำเนินการจัดพิมพ์ แต่เนื่องจากเป็นองค์กรเอกชนที่มีทุนทรัพย์จำกัด งานจึงค่อย ๆ คืบหน้าไปช้า ๆ แต่พระไตรปิฎก อรรถกถา และหนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์บาลีของสมาคมบาลีปกรณ์นี้ก็เป็นฉบับที่นักวิชาการทาง พระพุทธศาสนาทั่วโลกได้ใช้ในการศึกษาและอ้างอิงมากที่สุด เพราะพิมพ์ด้วยอักษรโรมัน และในการตรวจชำระก็ใช้หลักการทางวิชาการที่ดี มีหมายเหตุในจุดต่าง ๆ ด้วย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรป เมื่อได้ทรงทราบการทำงานของสมาคมบาลีปกรณ์ เห็นว่าเป็นประโยชน์มากจึงได้พระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนส่วนหนึ่ง
และเมื่อเสด็จกลับถึงประเทศไทย จึงได้เรียกประชุมพระมหาเถระผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรมและนักปราชญ์ราชบัณฑิตให้ช่วยกันปริวรรตคัมภีร์ใบลานพระไตรปิฎกบาลีอักษรขอมของประเทศไทยเป็นภาษาบาลีที่ใช้อักษรไทยและจัดพิมพ์เป็นหนังสือเล่ม ตรวจชำระและพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกจำนวน ๓๙ เล่ม เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๕
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ตรวจชำระคัมภีร์ปัฏฐาน อีก ๖ เล่ม ในพระอภิธรรมปิฎก พิมพ์ออกเผยแพร่เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ ทำให้เนื้อหา พระไตรปิฎกครบ ๔๕ เล่ม ถือเป็นพระไตรปิฎกที่เป็นเล่มหนังสือ ที่จัดพิมพ์ครบชุดเป็นครั้งแรกของโลก เรียกว่า พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ
1
เมื่อได้รับเอกราชแล้ว ประเทศพม่า (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นประเทศเมียนมา) ก็ได้จัดการสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้น นับตามแบบของตน ถือเป็นครั้งที่ ๖ (ฉัฏฐสังคีติ) โดยได้นิมนต์พระสงฆ์เถรวาทจากประเทศอื่น ๆ เข้าร่วมด้วย และตีพิมพ์พระไตรปิฎกออกเผยแพร่ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๙ ถือเป็นการฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ เรียกว่า ฉบับฉัฏฐสังคีติ ประเทศ ศรีลังกาก็ได้ตรวจชำระพระไตรปิฎกของตนแล้วตีพิมพ์ออกเผยแพร่ในวาระฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษเช่นกัน เรียกว่า ฉบับพุทธชยันตี
การตรวจชำระพระไตรปิฎกในไทย พม่า ศรีลังกา ส่วนใหญ่ก็ใช้คัมภีร์ใบลานของประเทศตน จำนวน ๕-๖ ฉบับ มาเทียบเคียงกัน เนื้อหาที่ตรงกันก็คงตามนั้น แต่เนื้อหาที่ไม่ตรงกันก็ดูว่าคำไหนถูกหลักไวยากรณ์ สอดคล้องกับเนื้อหารวม รวมทั้งตรวจสอบจากคัมภีร์อื่น เช่น อรรถกถา และหนังสือไวยากรณ์ ที่อ้างอิงข้อความตรงนั้น
หากคัมภีร์ใบลาน พระไตรปิฎกที่นำมาเป็นต้นฉบับในการตรวจชำระนั้นมาจากสายการคัดลอกเดียวกัน ทำให้มีที่ผิดเหมือนกัน ก็จะไม่มีใครกล้าแก้ไขเนื้อหาส่วนนั้น ทั้งที่จริง ๆ เนื้อหาที่ถูกมีอยู่ในคัมภีร์ ใบลานชุดอื่นที่ยังไม่ถูกนำมาร่วมใช้ในการตรวจชำระ
หลังจากมีการตีพิมพ์พระไตรปิฎกเป็นหนังสือเล่มแล้ว ธรรมเนียมการคัดลอกจารคัมภีร์ใบลานบาลีก็จางหายไป เหลือแต่เพียงการจารใบลานสาธิตเป็นตัวอย่างเท่านั้น แต่ไม่มีใครมานั่งจารคัดลอกคัมภีร์ใบลานทั้งพระไตรปิฎกอีก เพราะการสั่งพิมพ์จากทางโรงพิมพ์สะดวกและประหยัดกว่ามาก คัมภีร์ใบลานบาลีที่คงเหลืออยู่ปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็มีอายุเกิน ๑๐๐ ปีแล้ว และนับวันก็จะเสื่อมผุพังไปตามกาลเวลา ซึ่งหากคัมภีร์ใบลานที่มีเนื้อหาที่ถูกต้องนั้นผุพังไปเราก็จะสูญเสียเนื้อหาส่วนนั้นไปตลอด
คัมภีร์ใบลานบาลีที่คงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ถูกนำมารวบรวมไว้ในหอสมุดแห่งชาติบ้าง หอสมุดและพิพิธภัณฑ์ในท้องถิ่นต่าง ๆ บ้าง ยังคงเก็บรักษาอยู่ในวัดต่าง ๆ บ้าง กระจายอยู่ทั่วไปในประเทศไทย เมียนมา ศรีลังกา ลาว และกัมพูชา
พระไตรปิฎกที่เป็นหนังสือเล่ม มี ๔ ฉบับหลัก คือ ฉบับ PTS ฉบับสยามรัฐ ฉบับฉัฏฐสังคีติ และฉบับพุทธชยันตี ยังมีพระไตรปิฎกที่เป็นหนังสือเล่มยุคหลังที่จัดทำขึ้นอีกหลายฉบับ แต่ส่วนใหญ่เป็นการนำเนื้อหาพระไตรปิฎก ๔ ฉบับนั้นซึ่งในทางวิชาการถือว่าเป็นข้อมูลทุติยภูมิมาเทียบเคียงกัน แล้วจัดทำเป็นฉบับใหม่ขึ้น
เช่น ฉบับนาลันทาของอินเดีย ใช้เนื้อหาฉบับฉัฏฐสังคีติของเมียนมาเป็นหลัก เปรียบเทียบกับฉบับอื่นอีก ๓ ฉบับ แล้วแปลงเนื้อหาเป็นภาษาบาลีตัวอักษร เทวนาครีของอินเดีย เป็นต้น ยังไม่พบพระไตรปิฎกที่จัดสร้างขึ้นใหม่ฉบับใดที่นำข้อมูลจากคัมภีร์ใบลานซึ่งถือเป็นข้อมูลชั้นปฐมภูมิมาใช้ในการตรวจชำระอย่างจริงจัง
โปรดติดตาม ตอนที่ ๓

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา