7 มิ.ย. 2023 เวลา 23:30 • ไลฟ์สไตล์

5 สูตรการบริหารเวลายอดนิยม

การบริหารเวลามีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานและการบรรลุเป้าหมาย วันนี้ผู้เขียนจึงขอรวบรวม 5สูตรการบริหารเวลาที่นิมยมมาให้อ่านกัน
1.8-8-8
เราสามารถแบ่งเวลาที่เรามี 24 ชั่วโมงได้ออกเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน ส่วนละ 8 ชั่วโมง โดยเราควรแบ่งเวลา ดังนี้
-8 ชั่วโมงแรกของวัน คือช่วงเวลาที่เราควรโฟกัสกับการเรียนหนังสือหรือทำงาน โดยการใช้ทักษะความรู้ที่เรามีอย่างเต็มที่ เพื่อให้เรามีความรู้หรือรายได้
-8 ชั่วโมงที่สองคือ ‘Me time’ เราควรใช้เวลาไปกับการสร้างความสัมพันธ์กับคนที่เรารัก ทำกิจกรรมที่เราชอบ พัฒนาหรือดูแลตัวเอง ซึ่งใน 8 ชั่วโมงนี้ เราสามารถแบ่งย่อยลงไปได้อีก 3 ด้านคือ
3F - Family, Friends, Faith - ใช้เวลาเพื่อสร้างความสัมพันธ์และสิ่งที่เราศรัทธา
3H - Health, Hygiene, Hobby - ใช้เวลาเพื่อดูแลร่างกายและจิตใจตัวเอง
3S - Soul, Service, Smile - ใช้เวลาเพื่อทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น
- 8 ชั่วโมงสุดท้ายคือการนอน
2. Eisenhower Matrix เมทริกซ์ประกอบด้วยสี่ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1: เร่งด่วนและสำคัญ: งานในส่วนนี้มีทั้งเร่งด่วนและสำคัญ พวกเขาต้องการการดูแลทันทีและควรได้รับการจัดการโดยทันที ตัวอย่าง ได้แก่ กำหนดเวลาเร่งด่วน ปัญหาเร่งด่วน หรือปัญหาร้ายแรงที่ต้องแก้ไข
ส่วนที่ 2: สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน: เป็นเป้าหมายระยะยาว การเติบโตส่วนบุคคล และการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ตัวอย่าง ได้แก่ การสร้างความสัมพันธ์ การพัฒนาทักษะ การตั้งเป้าหมาย และการแก้ปัญหาเชิงรุก การใช้เวลาในด้านนี้ช่วยป้องกันไม่ให้งานกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนในอนาคต
ส่วนที่ 3: เร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ: งานในส่วนนี้อาจดูเร่งด่วน แต่ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีความสำคัญในภาพรวมของสิ่งต่างๆ สิ่งสำคัญคือต้องลดเวลาที่ใช้ในส่วนนี้ให้เหลือน้อยที่สุดโดยการมอบหมายหรือกำจัดงานส่วนนี้ออกไป
ส่วนที่ 4: ไม่เร่งด่วนและไม่สำคัญ: งานส่วนนี้เป็นตัวทำลายเวลา เช่น การใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไป การท่องเว็บโดยขาดสติ หรือกิจกรรมเล็กน้อย สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการใช้เวลาจำนวนมากในส่วนนี้ เนื่องจากอาจขัดขวางประสิทธิภาพการทำงานและหันเหความสนใจจากงานที่มีความหมาย
เรามีเวลามากพอเสมอ หากเราใช้มันอย่างถูกต้อง
โยฮันน์ โวล์ฟกัง ฟอน เกอเธ่
3.กฎ 80/20 พาเรโต
ตอนที่ผู้เขียนได้อ่านหนังสือ กินกบตัวนั้นซะ จึงได้รู้จักกับกฎ 80/20 แล้วรู้สึกทึ่งมากที่มีกฎแบบนี้อยู่ด้วยหรอ หลักการพาเรโตระบุว่าประมาณ 80% ของผลลัพธ์มาจาก 20% หากต้องการใช้หลักการพาเรโตอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถทำตามได้ ดังนี้
1. เขียนเป้าหมาย กิจกรรม โครงการและหน้าที่รับผิดชอบหลักๆในชีวิต
2. ใช้เวลากับสิ่งที่สามารถทำให้ชีวิตและหน้าที่การงานของเราเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ
4.จัดการเวลาแบบ 60-30-10 จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าควรจะทำงานชิ้นใด ในตอนไหน หลักการคือ
- แบ่ง 60% ของวันกับงานที่สร้างคุณค่ามากที่สุด ถ้าเรามีเวลาทำงานวันละ 8 ชั่วโมง เราควรใช้เวลามากกว่าครึ่งวันในการทำงานที่สำคัญที่สุด โดยเราอาจแยกงานนั้นออกมาทำเลยตั้งแต่ช่วงเช้าของวันเพื่อทำงานนี้ให้เสร็จก่อน
- แบ่ง 30% กับงานระดับกลางที่มีความสำคัญรองลงมา เวลาที่เราใช้กับงานตรงนี้อาจเป็นสิ่งที่เร่งด่วนแต่ไม่จำเป็น เช่น การตอบอีเมล ติดตามงาน หรือเข้าประชุม งานพวกนี้เป็นงานที่เข้ามาหาเราทั้งวัน หากเราไม่แบ่งเวลาเพื่องานเหล่านี้โดยเฉพาะ สุดท้ายเราจะเสียเวลาไปงานเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้จนทำให้งานที่สำคัญจริงของเราไม่สำเร็จ
- แบ่ง 10% สำหรับการเตรียมพร้อมในวันพรุ่งนี้ เราอาจเขียนสิ่งที่เราต้องทำในวันพรุ่งนี้ออกมา ว่าพรุ่งนี้เราจะเริ่มทำงานชิ้นไหนก่อน และเราอาจจะทบทวนไปในตัวด้วยว่า วันนี้เราทำงานได้ตามแผนที่วางไว้หรือไม่ ต้องปรับแผนการทำงานหรือเปล่า
5.POMODORO ขอเรียกว่าเทคนิคมะเขือเทศ ดูน่ารักดี
-ตั้ง list สิ่งที่ต้องการจะทำให้เสร็จ
-ตั้ง Pomodoro timer โดย 1 หน่วย pomodoro = 25 นาที)
-เริ่มการทำ task ที่ตั้งไว้ในข้อ 1
-เมื่อครบ 1 pomodoro (25 นาที) ให้พักสั้นๆประมาณ 5 นาที
-พอทำงานครบ 4 ครั้ง (หรือ 4 ‘pomodoro’) ให้พักเบรกยาวประมาณ 15–30 นาที
-วนการทำงานแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเสร็จ
ด้วยการใช้เทคนิคที่มีประสิทธิภาพ เราสามารถใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพิ่มประสิทธิภาพ และยังมีสูตรจัดการเวลาอีกมากมาย เช่น เทคนิค 5 วินาที, 1นาที, 2นาที เป็นต้น ซึ่งผู้เขียนก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา