Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Witly. - เปิดโลกวิทย์แบบเบา ๆ
•
ติดตาม
25 มิ.ย. เวลา 11:30 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
🧠 [How-to] วิธีใช้เทคนิค 5-4-3-2-1 | ดึงสติ ลดความวิตกกังวล เมื่อรู้สึกจิตตก-ฟุ้งซ่าน
เคยไหมครับ ที่รู้สึกเหมือนจิตใจกำลังล่องลอยออกจากความเป็นจริง? หรือจู่ๆ ก็ถูกดูดเข้าไปในวังวนของความคิดและความทรงจำที่เลวร้ายจนรู้สึกเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการ Flashback จาก PTSD, ภาวะวิตกกังวลที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง (Anxiety Attack) หรืออาการแพนิค (Panic Attack)
1
ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่แค่ "ความรู้สึก" แต่เป็นกระบวนการทางประสาทวิทยาที่เกิดขึ้นจริงในสมองของเรา และการเข้าใจมันคือขั้นตอนแรกในการเรียนรู้ที่จะควบคุมและดึงสติของเรากลับคืนมา
หลังจากที่เราได้ทำความเข้าใจถึงความเจ็บปวดและสาเหตุของบาดแผลทางใจในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา สัปดาห์นี้ เราจะมาหยุดพักเรื่องทฤษฎี แล้วมาเรียนรู้ "เครื่องมือ" ที่ทรงพลังและใช้ได้จริงทันที เปรียบเสมือน "สมอเรือ" ที่จะช่วยดึงให้จิตใจของเรากลับมาจอดเทียบท่ากับความเป็นจริงในปัจจุบัน เทคนิคนี้มีชื่อว่า "Grounding Technique" และวิธีที่ได้รับความนิยมและจดจำง่ายที่สุด เรียกว่า "5-4-3-2-1" ครับ
🌍 โลกสองใบในสมอง - วิทยาศาสตร์เบื้องหลังอาการ "หลุด" (The Science Behind Dissociation)
เพื่อที่จะเข้าใจว่าทำไมเทคนิคนี้ถึงได้ผล เราต้องเข้าใจก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นในสมองของเราเมื่อเกิดความเครียด, ความวิตกกังวล, หรือความกลัวอย่างรุนแรง
ภาวะ "Amygdala Hijack": เมื่อสมองส่วนอารมณ์เข้ายึดครอง
ลึกเข้าไปในสมองของเรา มีโครงสร้างรูปอัลมอนด์ที่ชื่อว่า อะมิกดาลา (Amygdala) มันเปรียบเสมือน "ศูนย์บัญชาการความกลัว" หรือ "สัญญาณเตือนภัย" ของร่างกาย เมื่อเรารับรู้ถึงอันตราย (ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน หรือเป็นเพียงความทรงจำเลวร้ายที่ถูกกระตุ้น)
อะมิกดาลาจะทำงานทันทีและเข้าควบคุมร่างกาย มันจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอลและอะดรีนาลิน ทำให้เกิดอาการใจสั่น, เหงื่อออก, หายใจถี่, และกล้ามเนื้อตึงเครียด เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับสภาวะ "สู้หรือหนี" (Fight-or-Flight) ภาวะที่สมองส่วนอารมณ์เข้าควบคุมการทำงานทั้งหมดนี้เรียกว่า "Amygdala Hijack"
การ "ปิดสวิตช์" สมองส่วนเหตุผล
ปัญหาใหญ่ของ Amygdala Hijack คือ เมื่ออะมิกดาลาทำงานอย่างบ้าคลั่ง มันจะส่งผลให้การทำงานของ สมองส่วนหน้าผากส่วนหน้า (Prefrontal Cortex - PFC) ซึ่งเปรียบเสมือน "ผู้บริหาร" หรือ "กัปตัน" ที่ควบคุมเหตุผล, ตรรกะ, การวางแผน, และการรับรู้ปัจจุบัน ถูก "ปิดสวิตช์" หรือลดประสิทธิภาพลงชั่วคราว การเชื่อมต่อระหว่างสมองสองส่วนนี้จะอ่อนแอลง ทำให้เราไม่สามารถใช้เหตุผลได้, คิดอะไรไม่ออก, และรู้สึกเหมือน "หลุด" ออกจากความเป็นจริง
ภาวะ Dissociation: กลไกป้องกันตัวของสมอง
ในสถานการณ์ที่รุนแรง สมองอาจใช้กลไกป้องกันตัวขั้นสูงสุดที่เรียกว่า ภาวะ Dissociation คือการ "ตัดขาด" ตัวเองออกจากความเป็นจริง เพื่อปกป้องจิตใจจากความเจ็บปวดหรือความกลัวที่ท่วมท้นเกินกว่าจะรับไหว ซึ่งอาจแสดงออกมาในรูปแบบของ Depersonalization (รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่ตัวเอง, เหมือนกำลังมองตัวเองจากข้างนอก) หรือ Derealization (รู้สึกว่าสิ่งรอบตัวไม่ใช่ความจริง, เหมือนอยู่ในความฝันหรือภาพยนตร์)
🧘 "Grounding" - การทวงคืนสติด้วยประสาทสัมผัส (Grounding: Reclaiming Your Mind Through Senses)
หลักการของ Grounding Technique คือการ "บังคับ" ให้สมองส่วนเหตุผล (Prefrontal Cortex) กลับมาทำงานและเข้าควบคุมสถานการณ์อีกครั้ง โดยการป้อนข้อมูลที่เป็นรูปธรรม, เป็นกลาง, และเกิดขึ้นจริงจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในโลกภายนอกเข้าไป
ข้อมูลทางประสาทสัมผัสเหล่านี้เป็นสิ่งที่อะมิกดาลาไม่สามารถโต้เถียงได้ (เช่น "ฉันกำลังรู้สึกถึงความเย็นของแก้วน้ำในมือ" เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้) เมื่อสมองส่วนหน้าถูกบังคับให้ต้องประมวลผลข้อมูลที่เป็นรูปธรรมเหล่านี้ มันจะค่อยๆ "ดึง" อำนาจควบคุมกลับมาจากอะมิกดาลา เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนกลับไปยังสมองว่า "ตอนนี้ ที่นี่ คุณปลอดภัยดี ไม่มีอันตรายใดๆ" เมื่อสมองส่วนเหตุผลกลับมาควบคุมได้ อาการต่างๆ ก็จะค่อยๆ สงบลง
ทำไมต้องเป็นประสาทสัมผัสทั้ง 5?
แต่ละประสาทสัมผัสมีบทบาทในการ "ดึง" สติที่แตกต่างกัน:
• การมองเห็น (Sight): ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากความคิดภายใน (Internal world) มาสู่สิ่งของภายนอก (External world) และการระบุชื่อหรือรายละเอียดของสิ่งของ เป็นการกระตุ้นสมองส่วนที่ใช้ภาษาและตรรกะ
• การสัมผัส (Touch): เป็นประสาทสัมผัสที่ทรงพลังที่สุดในการยืนยันการมีอยู่ของร่างกาย ช่วยต่อสู้กับภาวะ Depersonalization ได้ดีเป็นพิเศษ เพราะมันเชื่อมโยงจิตใจกลับเข้ากับร่างกายโดยตรง
• การได้ยิน (Hearing): ช่วยยืนยันตำแหน่งของเราในมิติของเวลาและสถานที่ (Time and space) เสียงแอร์, เสียงรถ, เสียงนาฬิกา ล้วนเป็นหลักฐานว่าเรากำลังอยู่ใน "ปัจจุบันขณะ"
• การได้กลิ่น (Smell): เป็นประสาทสัมผัสที่เชื่อมโยงกับความทรงจำและอารมณ์โดยตรง แต่การจดจ่อกับกลิ่นที่เป็นกลางในปัจจุบัน (เช่น กลิ่นดิน, กลิ่นกาแฟ) สามารถช่วยขัดจังหวะวงจรความคิดที่ถูกกระตุ้นจากความทรงจำในอดีตได้
• การรับรส (Taste): เป็นประสาทสัมผัสที่อยู่ภายในร่างกายและควบคุมได้ยาก ทำให้ต้องใช้สมาธิอย่างสูงในการจดจ่อ ซึ่งช่วยดึงความสนใจกลับมาที่ตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
🛑 คู่มือฉบับละเอียด - How-to 5-4-3-2-1 และเทคนิคประยุกต์
เมื่อคุณรู้สึกว่ากำลังจะเข้าสู่สภาวะ Flashback หรืออาการวิตกกังวลที่ทำให้รู้สึกหลุดลอย ให้คุณหาที่นั่งที่สบายและมั่นคง หายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ นับถอยหลังจาก 5 เพื่อดึงตัวเองกลับมาสู่ความเป็นจริง ทีละขั้นตอนดังนี้ครับ
5️⃣ สิ่งที่คุณ “เห็น” (SIGHT): มองไปรอบๆ ตัวคุณ แล้วค่อยๆ ระบุชื่อสิ่งของ 5 อย่างที่คุณมองเห็นอย่างช้าๆ พยายามสังเกตรายละเอียดของมันให้ลึกซึ้งที่สุด
• ไม่ใช่แค่ "โต๊ะ" แต่เป็น "โต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้ม ที่มีลายไม้เป็นเส้นตรง และมีรอยขีดข่วนเล็กๆ ที่มุมขวา"
• ไม่ใช่แค่ "แก้วน้ำ" แต่เป็น "แก้วใสที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ข้างนอก แสงไฟสะท้อนบนผิวแก้วเป็นประกาย"
4️⃣ สิ่งที่คุณ “รู้สึก” (FEEL/TOUCH): ใช้สมาธิกับสิ่งที่ผิวหนังของคุณกำลังสัมผัสอยู่ แล้วระบุความรู้สึก 4 อย่าง พยายามรับรู้ถึงเนื้อสัมผัส, อุณหภูมิ, และแรงกด
• ความรู้สึกของ "เนื้อผ้าของกางเกงยีนส์ที่หยาบเล็กน้อย" บนผิวขา
• ความรู้สึก "เย็นและเรียบลื่น" ของโทรศัพท์มือถือในมือ
• "แรงกด" ของฝ่าเท้าที่สัมผัสกับพื้นรองเท้า
• "ลมแอร์ที่พัดเบาๆ" มาโดนต้นคอ
3️⃣ สิ่งที่คุณ “ได้ยิน” (HEAR): ตั้งใจฟังเสียงรอบตัวคุณ แล้วระบุเสียง 3 อย่างที่ได้ยิน พยายามแยกแยะเสียงที่อยู่ใกล้และไกล
• เสียง "แอร์ทำงาน" ที่ดังอย่างสม่ำเสมอ
• เสียง "คลิกเมาส์" จากโต๊ะข้างๆ
• เสียง "รถวิ่ง" ที่ดังมาจากข้างนอกหน้าต่าง
2️⃣ สิ่งที่คุณ “ได้กลิ่น” (SMELL): พยายามรับรู้กลิ่น 2 อย่างที่อยู่รอบตัวคุณในขณะนั้น หายใจเข้าลึกๆ เพื่อรับกลิ่นให้ชัดเจนที่สุด
• กลิ่น "กาแฟจางๆ" ที่ยังอบอวลอยู่ในห้อง
• กลิ่น "กระดาษ" จากหนังสือบนโต๊ะ
1️⃣ สิ่งที่คุณ “รับรส” (TASTE): สุดท้าย นำสติทั้งหมดมาไว้ที่ปากของคุณ แล้วระบุรสชาติ 1 อย่างที่คุณรับรู้ได้
• อาจจะเป็น "รสหวานเล็กน้อย" ของลูกอมที่เพิ่งทานไป
• หรือแม้กระทั่ง "รสชาติที่เป็นกลาง" ของน้ำลายในปากตัวเอง
เทคนิคสำหรับผู้เริ่มต้นและเทคนิคประยุกต์:
• พูดออกมาดังๆ: การพูดชื่อสิ่งของหรือความรู้สึกออกมาดังๆ จะช่วยให้สมองจดจ่อได้ดียิ่งขึ้น
• ใช้ "สมอเรือส่วนตัว" (Grounding Object): ลองพกวัตถุเล็กๆ ที่มีผิวสัมผัสที่คุณชอบติดตัวไว้ เช่น หินเรียบๆ, ลูกแก้ว, หรือพวงกุญแจ เมื่อรู้สึกไม่ดี การได้สัมผัสและจดจ่อกับวัตถุชิ้นนั้นจะช่วยดึงสติได้ดี
• Mental Grounding: หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถแสดงออกได้ ลองฝึก Grounding ในใจ เช่น การจัดหมวดหมู่สิ่งของ ("ในห้องนี้มีอะไรที่เป็นสีฟ้าบ้าง?"), การนับถอยหลังจาก 100 โดยลบทีละ 7, หรือการท่องเนื้อเพลงที่ชอบในใจ
⚠️ ข้อจำกัดและความเข้าใจที่ถูกต้อง (Limitations & Proper Understanding)
สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องย้ำคือ เทคนิค Grounding เป็น "เครื่องมือปฐมพยาบาลทางใจ" ไม่ใช่ "การรักษา" มันเปรียบเสมือนการใช้ผ้าพันแผลเพื่อห้ามเลือดเมื่อเกิดบาดแผล แต่ไม่ได้รักษาสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลนั้น
เทคนิคนี้มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการ "จัดการกับอาการเฉียบพลัน" ช่วยให้คุณผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ แต่มันไม่ได้แก้ที่ต้นตอของปัญหา หากคุณมีอาการวิตกกังวล, แพนิค, หรือ Flashback จาก PTSD บ่อยครั้งและรบกวนการใช้ชีวิต การปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตบำบัดเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง (เช่น การทำจิตบำบัดแบบ CBT, EMDR หรือการใช้ยา) คือสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
🏡 บริบทของไทย - สมอเรือในสังคมที่เร่งรีบ (The Thai Context)
ในสังคมไทยที่เต็มไปด้วยความกดดัน ทั้งจากการทำงานในวัฒนธรรมที่ไม่หยุดนิ่ง, ความท้าทายทางเศรษฐกิจ, และการเปรียบเทียบบนโซเชียลมีเดีย ทำให้คนรุ่นใหม่จำนวนมากต้องเผชิญกับความเครียดและความวิตกกังวลเฉียบพลันอยู่เสมอ
เทคนิค 5-4-3-2-1 จึงไม่ใช่แค่เครื่องมือสำหรับผู้ที่มีภาวะทางจิตเวช แต่เป็น "ทักษะชีวิต" ที่ทุกคนสามารถเรียนรู้และนำไปปรับใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นความกดดันในที่ประชุม, ความหงุดหงิดขณะรถติด, หรือความวิตกกังวลก่อนการพรีเซนต์งาน การฝึกใช้เทคนิคนี้จะช่วยให้คุณกลับมาอยู่กับปัจจุบันและควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ วิทยาศาสตร์เบื้องหลังอาการ "หลุด": อาการวิตกกังวลรุนแรงหรือ Flashback เกิดจากภาวะ "Amygdala Hijack" ที่สมองส่วนอารมณ์เข้ายึดครองและ "ปิดสวิตช์" สมองส่วนเหตุผล
✅ Grounding คือการทวงคืนสติ: เทคนิคนี้ทำงานโดยการ "บังคับ" ให้สมองส่วนเหตุผลกลับมาทำงานอีกครั้ง ผ่านการป้อนข้อมูลที่เป็นรูปธรรมจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในปัจจุบัน
✅ 5-4-3-2-1 คือเครื่องมือที่ทรงพลัง: เป็นวิธีการที่ทำได้ง่ายและทำได้ทุกที่ เพื่อดึงสติกลับมา โดยไล่เรียงการรับรู้จาก การเห็น (5) > สัมผัส (4) > ได้ยิน (3) > ได้กลิ่น (2) > รับรส (1)
✅ มีเทคนิคประยุกต์หลากหลาย: นอกจากการนับถอยหลัง ยังมีเทคนิคอื่น เช่น การใช้ "สมอเรือส่วนตัว" (Grounding Object) หรือการฝึก "Mental Grounding" ในใจ
✅ ปฐมพยาบาล ไม่ใช่การรักษา: สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเข้าใจว่านี่คือ "เครื่องมือจัดการอาการเฉียบพลัน" ไม่ใช่การรักษาที่ต้นตอ หากมีอาการรุนแรงและเรื้อรัง การพบผู้เชี่ยวชาญคือสิ่งที่จำเป็น
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลและความสับสนที่ถาโถมเข้ามา บางครั้งเราก็ต้องการ "สมอเรือ" เพื่อยึดเหนี่ยวความคิด
เป้าหมายของ Witly ก็เช่นกัน คือการเป็น "สมอเรือทางปัญญา" ที่ช่วยดึงคุณกลับมาสู่ความเข้าใจที่ชัดเจนและมีหลักการทางวิทยาศาสตร์
ทุกการสนับสนุนผ่าน "ค่ากาแฟ" ของคุณ คือพลังที่ช่วยให้เราสามารถสร้าง "เครื่องมือปฐมพยาบาลทางใจ" และ "สมอเรือทางปัญญา" แบบนี้ต่อไปได้ครับ
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
นอกเหนือจากเทคนิค 5-4-3-2-1 ที่เราได้เรียนรู้กันไป คุณมี "สมอเรือทางใจ" หรือวิธีดึงสติตอนฟุ้งซ่านในแบบฉบับของตัวเองบ้างไหมครับ? (เช่น การฟังเพลง, การล้างหน้า, การกอดสัตว์เลี้ยง)
มาแบ่งปัน "เครื่องมือ" ของคุณในคอมเมนต์ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ คนอื่นที่กำลังมองหาทางออกกันนะครับ 💌
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Harvey, A. (2025). Coping with PTSD. Psychology Now, 8, 16-20.
2. LeDoux, J. E. (2000). Emotion Circuits in the Brain. Annual review of neuroscience.
https://doi.org/10.1146/annurev.neuro.23.1.155
3. Arnsten, A. F. (2009). Stress signalling pathways that impair prefrontal cortex structure and function. Nature Reviews Neuroscience.
https://doi.org/10.1038/nrn2648
4. Najavits, L. M. (2002). Seeking safety: A treatment manual for PTSD and substance abuse. Guilford Press.
https://psycnet.apa.org/record/2002-00375-000
วิทยาศาสตร์
จิตวิทยา
สุขภาพ
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Psy.Know
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย