6 ก.ค. เวลา 12:46 • สุขภาพ

เบาหวานชนิดที่ 2 (DM type 2) รักษาหายได้มั้ย ?

สำหรับคำถามที่ว่าโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (T2DM) สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่ คำตอบในปัจจุบันคือ ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาด (Cure) ได้ แต่มีข่าวดีคือ ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถเข้าสู่ ภาวะสงบของโรค (Remission) ได้ ซึ่งเป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือต่ำกว่าเกณฑ์การวินิจฉัยเบาหวาน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาลดระดับน้ำตาล
  • ความแตกต่างระหว่าง "Cure" และ "Remission"
ในทางการแพทย์ สองคำนี้มีความหมายต่างกันอย่างชัดเจน
  • Cure (การหายขาด): หมายถึงการขจัดโรคให้หมดไปอย่างถาวร ไม่มีความเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นซ้ำอีก ในบริบทของ T2DM จะหมายถึงการที่พยาธิสภาพพื้นฐานของโรค (เช่น ภาวะดื้อต่ออินซูลิน, การทำงานของเบต้าเซลล์ที่เสื่อมถอย) กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยสมบูรณ์ ซึ่ง ณ ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาใดที่สามารถรับประกันสภาวะนี้ได้
  • Remission (ภาวะสงบ): ตามคำนิยามที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล (เช่น จาก American Diabetes Association) หมายถึง การที่ผู้ป่วยมีระดับ Glycated Hemoglobin (HbA1c) ต่ำกว่า 6.5% และคงอยู่อย่างน้อย 3-12 เดือน หลังจากหยุดยาลดระดับน้ำตาลทั้งหมด ภาวะนี้บ่งชี้ว่าร่างกายสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีอีกครั้ง แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่โรคจะกลับมากำเริบ (Relapse) หากปัจจัยกระตุ้นกลับมา
  • กลไกสำคัญสู่ภาวะสงบ: The Twin Cycle Hypothesis
กลไกหลักที่อธิบายการเข้าสู่ภาวะสงบของ T2DM คือ "Twin Cycle Hypothesis" ซึ่งเสนอโดยศาสตราจารย์ Roy Taylor จาก Newcastle University และได้รับการพิสูจน์จากการศึกษาสำคัญอย่าง DiRECT (Diabetes Remission Clinical Trial)
สมมติฐานนี้ชี้ว่า T2DM เกิดจากวงจรเลวร้าย 2 วงจรที่สัมพันธ์กันจากการมีไขมันสะสมเกินในอวัยวะสำคัญ (Ectopic Fat)
1. Liver Cycle: การมีไขมันสะสมในตับ (Intrahepatic Fat) มากเกินไป ทำให้ตับดื้อต่ออินซูลิน (Hepatic Insulin Resistance) ส่งผลให้ตับผลิตกลูโคสออกมามากเกินความจำเป็น (Increased Gluconeogenesis) แม้ในภาวะที่อินซูลินในเลือดสูงแล้วก็ตาม
2. Pancreas Cycle: ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังและระดับไขมันในเลือดที่สูงขึ้น นำไปสู่การสะสมไขมันในตับอ่อน (Intrapancreatic Fat) ซึ่งไขมันนี้เป็นพิษต่อเบต้าเซลล์ (Lipotoxicity) ทำให้การทำงานของเบต้าเซลล์ในการหลั่งอินซูลินลดลง (β-cell dysfunction)
-- การเข้าสู่ภาวะสงบ (Remission) เกิดขึ้นเมื่อวงจรนี้ถูกทำลาย โดยหัวใจสำคัญคือ การลดน้ำหนักอย่างมีนัยสำคัญ (Significant Weight Loss) ประมาณ 10-15 กิโลกรัม หรือ >10% ของน้ำหนักตัวเริ่มต้น ซึ่งจะส่งผลดังนี้
1. ลดไขมันในตับ: ทำให้ตับกลับมาไวต่ออินซูลินอีกครั้ง และลดการผลิตกลูโคสส่วนเกิน
2. ลดไขมันในตับอ่อน: ลดภาวะ Lipotoxicity ทำให้เบต้าเซลล์ที่ยังไม่เสียหายถาวร (de-differentiated but not dead) สามารถฟื้นฟูการทำงานและกลับมาหลั่งอินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง
  • หลักฐานทางคลินิกและข้อมูลสถิติที่น่าสนใจ
1. DiRECT Trial (Diabetes Remission Clinical Trial): การศึกษานี้เป็นการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมในหน่วยบริการปฐมภูมิของสหราชอาณาจักร ผลลัพธ์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแนวทางการดูแลผู้ป่วย T2DM ในปัจจุบัน
วิธีการ: ให้ผู้ป่วยที่เพิ่งวินิจฉัย T2DM (ไม่เกิน 6 ปี) เข้าร่วมโปรแกรมลดน้ำหนักอย่างเข้มข้น (825–853 kcal/day ด้วยอาหารทดแทน (formula diet) เป็นเวลา 3-5 เดือน ตามด้วยการค่อยๆ กลับมาทานอาหารปกติและโปรแกรมรักษาน้ำหนักตัว
ผลลัพธ์
  • ที่ 1 ปี: 46% ของกลุ่มที่เข้าร่วมโปรแกรมสามารถเข้าสู่ภาวะ Remission ได้ เทียบกับ 4% ในกลุ่มควบคุม
  • ที่ 2 ปี: 36% ของกลุ่มที่เข้าร่วมโปรแกรมยังคงอยู่ในภาวะ Remission
  • ที่ 5 ปี (DiRECT-Extension): ประมาณ 13% ของผู้ที่ได้รับโปรแกรมลดน้ำหนักยังคงอยู่ในภาวะ Remission แสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการรักษาน้ำหนักตัวในระยะยาว แต่ก็ยืนยันว่า การสงบระยะยาว (Long-term Remission) เป็นไปได้
ปัจจัยทำนายความสำเร็จ: ปริมาณน้ำหนักที่ลดได้ เป็นปัจจัยทำนายการเข้าสู่ภาวะสงบที่สำคัญที่สุด
  • ผู้ที่ลดน้ำหนักได้ >15 kg มีโอกาสเข้าสู่ภาวะสงบสูงถึง 86%
  • ผู้ที่ลดน้ำหนักได้ 10-15 kg มีโอกาส 57%
  • ผู้ที่ลดน้ำหนักได้ 5-10 kg มีโอกาส 34%
2. Look AHEAD Trial: เป็นการศึกษาขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่ดูผลของการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างเข้มข้น (Intensive Lifestyle Intervention - ILI) ต่อผลลัพธ์ทางหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วย T2DM ที่มีน้ำหนักเกิน/อ้วน
ผลลัพธ์ด้าน Remission: แม้ไม่ได้เน้น Remission เป็นเป้าหมายหลัก แต่พบว่า
  • ในปีแรก 11.2% ของกลุ่ม Intensive lifestyle intervention เข้าสู่ภาวะ Remission (บางส่วน)
  • อัตราการสงบลดลงตามเวลา เหลือประมาณ 4% ในปีที่ 8
ข้อดีของการ Remission: ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ การเข้าสู่ภาวะสงบสัมพันธ์กับ การลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ (CVD) ได้ 40% และโรคไตเรื้อรัง (CKD) ได้ 33% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่เคยเข้าสู่ภาวะสงบ
3. Bariatric Surgery: การผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารหรือปรับเปลี่ยนทางเดินอาหาร เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำให้เกิดภาวะสงบในระยะยาว โดยมีอัตราการเข้าสู่ภาวะสงบสูงถึง 30-60% หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับชนิดของการผ่าตัดและระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน กลไกซับซ้อนกว่าการลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว โดยเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในทางเดินอาหาร (เช่น GLP-1) ด้วย
สรุป
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ไม่สามารถ "หายขาด" ได้ แต่การเข้าสู่ "ภาวะสงบ (Remission)" เป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้และควรนำมาเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนากับผู้ป่วย โดยเฉพาะในกลุ่มที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัย (ไม่เกิน 6 ปี) และมีแรงจูงใจสูง
  • กลไกหลัก: การลดน้ำหนักอย่างมีนัยสำคัญ (10-15 kg) เพื่อทำลาย "Twin Cycle" ของไขมันสะสมในตับและตับอ่อน อันจะนำไปสู่การฟื้นฟูการทำงานของเบต้าเซลล์และความไวต่ออินซูลิน
  • วิธีการที่ได้ผล: การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างเข้มข้น (Intensive Lifestyle Intervention) โดยเฉพาะการใช้ Very Low-Calorie Diet (VLCD) ในช่วงแรก มีหลักฐานเชิงประจักษ์จาก DiRECT Trial สนับสนุนอย่างชัดเจน
  • ความต่อเนื่อง: แม้การคงอยู่ในภาวะสงบระยะยาวจะเป็นเรื่องท้าทาย แต่การเข้าสู่ภาวะสงบได้ แม้เพียงชั่วคราว ก็สัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนทางหลอดเลือดขนาดเล็กและขนาดใหญ่ได้
  • อนาคต: การใช้ยากลุ่มใหม่ๆ (SGLT2i, GLP-1 RA) เป็นเครื่องมือเสริม และการพัฒนาด้านเวชศาสตร์แม่นยำ จะเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มอัตราความสำเร็จและสร้างแนวทางการรักษาที่จำเพาะต่อบุคคลเพื่อเป้าหมาย Remission ต่อไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา