Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Doctor Near you (หมอใกล้คุณ)
•
ติดตาม
28 ก.ค. เวลา 12:07 • สุขภาพ
พิชิตไขมันร้าย (LDL) โดยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต : เพื่อสุขภาพหลอดเลือดที่ดีที่สุด
ภาวะไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง LDL Cholesterol (LDL-C) เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง (Cardiovascular Disease) ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ทั่วโลก หลายคนอาจคิดว่าการควบคุมไขมันต้องพึ่งพายาเสมอไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต (Therapeutic Lifestyle Changes - TLC) เป็นด่านแรกที่ทรงพลังอย่างยิ่งและเป็นหัวใจสำคัญในการจัดการภาวะนี้
บทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงวิธีการลด LDL และ non-HDL Cholesterol (non-HDL-C) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงโดยรวมของไขมันที่ก่อให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือด (Atherogenic lipoproteins) ทั้งหมด โดยไม่ใช้ยา พร้อมข้อมูลเชิงสถิติและกลไกที่เกี่ยวข้อง
★
กลยุทธ์พิชิต LDL ด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต (Lifestyle Modification)
การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตหลายๆ ด้านร่วมกันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยแต่ละวิธีมีศักยภาพในการลด LDL-C ได้แตกต่างกันไป ดังนี้
1. การปรับเปลี่ยนอาหาร (Dietary modification)
✓
Potential LDL reduction (โดยประมาณ) ~20-30% หรือมากกว่า โดยแบ่งเป็น
-- การลดไขมันอิ่มตัว (Saturated fat)
ช่วยลด ~5-10% ผ่านกลไกลดการสร้าง VLDL (Very Low-Density Lipoprotein) ที่ตับ ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของ LDL
-- กำจัดไขมันทรานส์ (Trans Fat)
ช่วยลด ~3-7% เนื่องจากไขมันทรานส์ มีผลยับยั้งเอนไซม์ในกระบวนการเผาผลาญไขมัน ทำให้เพิ่ม LDL และลด HDL ; เมื่องดไขมันทรานส์ก็จะ reverse effect
-- เพิ่มใยอาหารชนิดละลายน้ำ (Soluble Fiber)
ช่วยลด ~5-11% โดยจะช่วยกับกรดน้ำดีในลำไส้และขับทิ้ง ทำให้ตับต้องดึง Cholesterol จากเลือดมาสร้างกรดน้ำดีใหม่
-- เสริม Plant Stanols/Sterols
ช่วยลด ~10-15% โดยโครงสร้างคล้าย Cholesterol ทำให้แย่งการดูดซึม Cholesterol ที่ลำไส้
Diet modification
2. การออกกำลังกาย (Physical Activity)
✓
Potential LDL reduction (โดยประมาณ) ~3-6%
-- เพิ่มการทำงานของ Lipoprotein lipase (LPL) ช่วยเปลี่ยน VLDL เป็น IDL และ LDL ได้ดีขึ้น และเพิ่มการนำ LDL เข้าสู่เซลล์
Start aerobic activity
3. การลดน้ำหนัก (Weight Reduction)
✓
Potential LDL reduction (โดยประมาณ) ~15% (หากลด นน. ได้ 5-10%)
-- ลดน้ำหนักตัวทุก 1 kg จะลด LDL ได้ประมาณ 0.8 mg/dL โดยกลไกหลักคือลดการผลิต VLDL จากตับ
Weight reduction
4. การเลิกสูบบุหรี่ (Smoking Cessation)
✓
เพิ่ม HDL, ลด Oxidation ของ LDL (Indirected benefit)
-- นิโคตินกระตุ้นการปล่อย Catecholamines ทำให้เกิด Lipolysis และเพิ่ม Free Fatty Acids ไปยังตับ
Stop smoking
5. การจำกัดแอลกอฮอล์ (Alcohol Limitation)
✓
มีผลต่อ Triglyceride มากกว่า
-- การดื่มหนักเพิ่มการสังเคราะห์ไขมันที่ตับ และอาจทำให้เกิด HIR (Hepatic insulin resistant) และอ้วนลงพุงได้ในระยะยาว
Limited amount of Alcohol
--- ข้อมูลเชิงลึก ---
✓
ใยอาหารละลายน้ำ (Soluble Fiber): การบริโภคใยอาหารชนิดนี้ให้ได้ 5-10 กรัมต่อวัน (เช่น จากข้าวโอ๊ต, ข้าวบาร์เลย์, แอปเปิล, ถั่วต่างๆ) สามารถลด LDL-C ได้อย่างมีนัยสำคัญ
✓
Plant Stanols/Sterols: พบได้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือนม โยเกิร์ต และมาร์การีนบางชนิด การบริโภคให้ได้ 2 กรัมต่อวัน เป็นหนึ่งในวิธีที่ไม่ใช้ยาที่ลด LDL-C ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
✓
การออกกำลังกาย: แม้จะมีผลโดยตรงต่อ LDL-C ไม่สูงเท่าการปรับอาหาร แต่มีผลดีอย่างยิ่งต่อการลด Triglyceride, เพิ่ม HDL-C ("ไขมันดี") และที่สำคัญคือช่วยปรับปรุงขนาดของอนุภาค LDL ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น (Large, buoyant LDL) ซึ่งมีความอันตรายน้อยกว่าอนุภาคขนาดเล็กและหนาแน่น (Small, dense LDL)
★
ความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่: LDL Cholesterol และภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance)
ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance; IR) ซึ่งเป็นแกนกลางของภาวะเมแทบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome) มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (Atherogenic Dyslipidemia) ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือ
1. Triglyceride สูง
2. HDL ต่ำ
3. มีอนุภาค LDL ขนาดเล็กและหนาแน่น (Small, dense LDL; sdLDL) เพิ่มขึ้น
--- กลไก---
ในภาวะ IR ร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ตับมีการสร้างและปล่อย VLDL ออกมาสู่กระแสเลือดมากขึ้น
VLDL ที่มากเกินไปนี้ จะผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนไขมันกับ LDL และ HDL โดยเอนไซม์ CETP (Cholesteryl Ester Transfer Protein) ทำให้ได้ LDL ที่มี Triglyceride สูงและมีขนาดเล็กลง (sdLDL)
ซึ่งอนุภาค sdLDL นี้เองที่อันตรายกว่า LDL ปกติ เนื่องจาก
●
ถูก Oxidized ได้ง่าย: ก่อให้เกิดการอักเสบในผนังหลอดเลือด
●
อยู่ในกระแสเลือดนานขึ้น: เพราะจับกับ LDL receptor ได้ไม่ดี
●
แทรกซึมเข้าผนังหลอดเลือดได้ง่าย: นำไปสู่การสร้าง Plaque ได้เร็วกว่า
ดังนั้น การจัดการกับภาวะดื้อต่ออินซูลินผ่านการลดน้ำหนักและออกกำลังกาย จึงไม่เพียงช่วยควบคุมน้ำตาล แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อการปรับปรุงคุณภาพและปริมาณของ LDL-C ด้วย
★
ปัจจัยกำหนดค่า LDL: สิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้ (Nature) และสิ่งที่เปลี่ยนได้ (Modifiable)
ค่า LDL-C แต่ละบุคคลถูกกำหนดโดยปัจจัย 2 ส่วนหลักๆ คือ
1. ปัจจัยอิสระที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ (Non-modifiable/Independent Factors):
●
พันธุกรรม (Genetics): นี่คือปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุด มีการศึกษาพบว่า พันธุกรรมมีส่วนกำหนดความแตกต่างของระดับ LDL-C ระหว่างบุคคลได้ถึง 40-60% ยีนที่เกี่ยวข้องควบคุมการทำงานของ LDL receptor, การสังเคราะห์ Cholesterol (เช่น HMG-CoA reductase), และโปรตีนอื่นๆ (เช่น PCSK9, ApoB)
●
อายุ (Age): ระดับ LDL-C มีแนวโน้มสูงขึ้นตามอายุ
●
เพศ (Sex): ผู้ชายมักมี LDL-C สูงกว่าผู้หญิงก่อนวัยหมดประจำเดือน
2. ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงได้ (Modifiable Factors)
●
อาหาร (Diet): โดยเฉพาะชนิดและปริมาณไขมันที่บริโภค
●
น้ำหนักตัวและมวลไขมัน (Body Weight & Adiposity)
●
ระดับกิจกรรมทางกาย (Physical Activity Level)
●
การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์
●
โรคประจำตัวบางชนิด: เช่น ภาวะพร่องไทรอยด์ (Hypothyroidism), โรคไต (Nephrotic Syndrome)
--- สัดส่วนที่มีผล---
โดยเฉลี่ยแล้ว เราอาจกล่าวได้ว่า พันธุกรรมเป็นตัวกำหนด "ค่าพื้นฐาน" (Baseline) ของ LDL-C ประมาณ 50% และอีก 50% เป็นอิทธิพลจากวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ซึ่งหมายความว่า แม้คนที่มีพันธุกรรมไม่เอื้ออำนวย ก็ยังสามารถใช้การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อลดความเสี่ยงลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
แต่ในทางกลับกันผู้ที่มีปัญหาตั้งแต่ระดับพันธุกรรมโดยพื้นฐาน การรักษาโดยไม่ใช้ยา ก็อาจจะไม่เพียงพอในบางกรณีได้
★
กรณีศึกษาและตัวอย่างจริง
--- กรณี LDL ต่ำสุดที่ทำได้โดยไม่ใช้ยา ---
บุคคลที่มีพันธุกรรมปกติ (ไม่มีภาวะไขมันสูงจากกรรมพันธุ์) ที่มีค่า LDL-C เริ่มต้นที่ระดับค่อนข้างสูง เช่น 160 mg/dL
หากปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างเข้มข้นที่สุด เช่น การใช้ Portfolio Diet (เน้นอาหารจากพืช, ถั่ว, ใยอาหารละลายน้ำสูง, และ Plant sterols) ร่วมกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอและการลดน้ำหนัก
สามารถลด LDL-C ได้ถึง 25-35% ซึ่งอาจทำให้ระดับ LDL-C ลดลงมาต่ำกว่า 100-110 mg/dL ได้โดยไม่ต้องใช้ยาเลย และต้อง maintenance lifestyle ไว้เช่นกันในระยะยาว
--- กรณีพันธุกรรมมีผลรุนแรง ---
-- (Familial Hypercholesterolemia - FH) --
เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัด LDL-C ออกจากเลือดได้ตามปกติ เนื่องจากความบกพร่องของ LDL receptor
●
Heterozygous FH (ได้รับยีนผิดปกติจากพ่อหรือแม่คนเดียว): พบได้ 1 ใน 250 คน จะมีระดับ LDL-C ตั้งต้นสูงมากตั้งแต่เกิด (มักจะ > 190 mg/dL ในผู้ใหญ่ และ > 160 mg/dL ในเด็ก)
●
ความเสี่ยงต่อ MACE (Major Adverse Cardiovascular Events): หากไม่ได้รับการรักษา ผู้ชายที่เป็น HeFH มีความเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจถึง 50% ก่อนอายุ 50 ปี และในผู้หญิงมีความเสี่ยง 30% ก่อนอายุ 60 ปี ในกรณีของ FH การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอ ที่จะลด LDL-C ลงสู่ระดับเป้าหมายได้ และจำเป็นต้องใช้ยาในกลุ่ม Statin หรือยาอื่นๆ ร่วมด้วยเสมอ
★
แนวทางการใช้ชีวิตเพื่อ Good Lipid Profile
ข้อมูลทางสถิติและการวิจัยขนาดใหญ่ชี้ชัดไปยังรูปแบบการกินและการใช้ชีวิตที่ให้ผลดีที่สุดต่อระดับไขมันในเลือดและสุขภาพหัวใจโดยรวม นั่นคือ
1. รูปแบบอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Diet)
--- หลักการ---
เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วและเมล็ดพืช เป็นหลัก ใช้ไขมันดีจากน้ำมันมะกอกเป็นแหล่งไขมันหลัก โปรตีนจากปลาและสัตว์ปีก จำกัดเนื้อแดงและของหวาน
--- หลักฐานทางสถิติ ---
การศึกษา PREDIMED (Prevención con Dieta Mediterránea) ซึ่งเป็นการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCT) ขนาดใหญ่ พบว่ากลุ่มที่บริโภคอาหารเมดิเตอร์เรเนียนเสริมด้วยน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ (Extra-virgin olive oil) หรือถั่ว สามารถลดความเสี่ยงการเกิด MACE ได้ถึงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่กินอาหารไขมันต่ำแบบเดิมๆ
อ่านเพิ่มเติม
my.clevelandclinic.org
What Is the Mediterranean Diet?
It’s all about plant-based foods and healthy fats. Read on for meal plans, food lists and the inside scoop on how this way of eating can help you.
2. รูปแบบอาหารแบบ DASH (Dietary Approaches to Stop Hypertension) และ Portfolio Diet
--- DASH Diet ---
คล้ายกับเมดิเตอร์เรเนียน แต่เน้นการจำกัดโซเดียมเพิ่มเติม มีผลดีมากต่อความดันโลหิตและไขมัน
--- Portfolio Diet ---
เป็นรูปแบบที่ออกแบบมาเพื่อ "ลดคอเลสเตอรอลโดยเฉพาะ" โดยการรวมอาหาร 4 ชนิดที่มีคุณสมบัติลด LDL เข้าไว้ด้วยกัน (Plant sterols, ใยอาหารละลายน้ำ, โปรตีนจากถั่วเหลือง, และถั่วเปลือกแข็ง) ซึ่งมีงานวิจัยพบว่าสามารถลด LDL ได้เทียบเท่ากับการใช้ยา Statin ในขนาดต่ำ
★
สรุปแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practice)
✓
ยึดหลัก Plant-Forward: ให้พืชเป็นส่วนประกอบหลักของมื้ออาหาร
✓
เลือกไขมันอย่างชาญฉลาด: แทนที่ไขมันอิ่มตัว (จากเนื้อติดมัน, น้ำมันปาล์ม, ของทอด) ด้วยไขมันไม่อิ่มตัว (จากน้ำมันมะกอก, อะโวคาโด, ถั่ว, ปลา)
✓
ใยอาหารคือเพื่อนแท้: ตั้งเป้าใยอาหาร 25-30 กรัมต่อวัน โดยเน้นชนิดละลายน้ำ
✓
เคลื่อนไหวร่างกายสม่ำเสมอ: ตั้งเป้าการออกกำลังกายแบบแอโรบิกระดับปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
✓
รักษาน้ำหนักตัวที่เหมาะสม: BMI อยู่ในเกณฑ์ 18.5-24.9 kg/m2
การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดในการควบคุมระดับไขมันและป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด แม้ในผู้ที่จำเป็นต้องใช้ยา การปฏิบัติตัวเหล่านี้จะช่วยให้การใช้ยามีประสิทธิภาพมากขึ้นและอาจลดขนาดยาที่ต้องใช้ลงได้
ความรู้รอบตัว
การแพทย์
สุขภาพ
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Lipid : everything that you should know
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย