Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Doctor Near you (หมอใกล้คุณ)
•
ติดตาม
3 ก.ย. เวลา 11:18 • สุขภาพ
"สมดุลพลังงาน" ร่างกาย: กินอย่างไรให้เซลล์แข็งแรงและชีวิตยืนยาว
เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน แต่บางคนแค่ "ดม" ก็รู้สึกว่าน้ำหนักขึ้นแล้ว? หรือทำไมผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องระวังเรื่องแป้งเป็นพิเศษ? คำตอบของคำถามเหล่านี้ซ่อนอยู่ในกลไกสุดมหัศจรรย์ที่เรียกว่า สมดุลพลังงาน ของร่างกายเราครับ
ลองจินตนาการว่าร่างกายของเราเป็นเหมือนรถยนต์ไฮบริดสุดล้ำ 🚗 ที่สามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า น้ำมันเบนซิน หรือแม้กระทั่งพลังงานสำรองอื่นๆ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ "เชื้อเพลิง" แต่ละชนิดที่ร่างกายใช้ วิธีที่ร่างกายจัดการกับมัน และเราจะเลือก "เติมเชื้อเพลิง" อย่างไรให้เครื่องยนต์ของเราทำงานได้ดีและยืนยาวที่สุด
"โรงไฟฟ้า" ของร่างกาย: รู้จักแหล่งพลังงานหลัก ⚡️
ร่างกายเราฉลาดกว่าที่คิด มันสามารถเปลี่ยนอาหารที่เรากินให้กลายเป็นพลังงานในรูปแบบที่เซลล์นำไปใช้ได้ (เรียกว่า ATP) โดยมีแหล่งพลังงานหลัก 3 ชนิด เปรียบเสมือนเชื้อเพลิง 3 ประเภท
1️⃣ คาร์โบไฮเดรต (เชื้อเพลิงด่วน ⛽️)
■
ที่มา: ข้าว แป้ง น้ำตาล ผลไม้ เผือก มัน
■
กลไก: นี่คือเชื้อเพลิงที่ร่างกายชอบใช้ที่สุด เพราะมันเปลี่ยนเป็นน้ำตาล "กลูโคส" และให้พลังงานได้อย่างรวดเร็วเหมือนน้ำมันเบนซิน สมองและเม็ดเลือดแดงชอบเชื้อเพลิงชนิดนี้เป็นพิเศษ
ข้อจำกัดและผลเสียเมื่อมากเกินไป
●
ร่างกายเก็บคาร์โบไฮเดรตในรูป "ไกลโคเจน" ได้ในปริมาณจำกัด (เหมือนถังน้ำมันเล็กๆ)
●
เมื่อมีกลูโคสในเลือดมากเกินไป ตับอ่อนจะหลั่ง "อินซูลิน" ออกมาเพื่อเก็บน้ำตาลเข้าเซลล์ แต่ถ้ามากเกินไปบ่อยๆ เซลล์จะเริ่ม "ดื้อ" ต่ออินซูลิน (ภาวะดื้อต่ออินซูลิน) ทำให้น้ำตาลค้างในเลือดสูง และส่วนที่เกินจะถูกตับเปลี่ยนเป็นไขมันไปสะสมตามร่างกาย โดยเฉพาะที่ตับเอง ก่อให้เกิด โรคไขมันพอกตับ และเป็นจุดเริ่มต้นของ โรคเบาหวานชนิดที่ 2
2️⃣ ไขมัน (พลังงานสำรองมหาศาล 🔋)
■
ที่มา: น้ำมันพืช/สัตว์ ไขมันในเนื้อสัตว์ ถั่ว อะโวคาโด
■
กลไก: ไขมันเปรียบเสมือนแบตเตอรี่สำรองขนาดใหญ่ ให้พลังงานสูงและเก็บได้แทบไม่จำกัด ร่างกายจะดึงไขมันมาใช้เมื่ออยู่ในภาวะพัก หรือออกกำลังกายเบาๆ นานๆ
ข้อจำกัดและผลเสียเมื่อมากเกินไป
●
กระบวนการดึงมาใช้จะช้ากว่าคาร์โบไฮเดรต
●
การมีไขมันในเลือดสูงเกินไป (Hyperlipidemia) ทำให้ไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือดเหมือนคราบไขมันในท่อระบายน้ำ ก่อให้เกิด โรคหลอดเลือดแดงแข็ง ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจและอัมพาต
●
การสะสมไขมันมากเกินนำไปสู่ โรคอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของสารพัดโรค
3️⃣ โปรตีน (โครงสร้างที่กลายเป็นเชื้อเพลิงยามฉุกเฉิน 🛠️)
■
ที่มา: เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่วเหลือง
■
กลไก: หน้าที่หลักของโปรตีนคือการสร้างและซ่อมแซมร่างกาย เปรียบเหมือนโครงสร้างและอะไหล่ของรถยนต์ แต่ในภาวะที่ร่างกายขาดแคลนพลังงานจากคาร์บและไขมันจริงๆ มันสามารถสลายกล้ามเนื้อ (โปรตีน) มาใช้เป็นพลังงานได้
ข้อจำกัดและผลเสียเมื่อมากเกินไป
●
การสลายโปรตีนมาใช้เป็นพลังงานจะเกิดของเสียที่ชื่อว่า "ยูเรีย"
●
หากกินโปรตีนมากเกินความจำเป็น ไต ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเครื่องกรอง จะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับยูเรียทิ้ง ซึ่งจะเป็นภาระอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วย โรคไตเรื้อรัง
📝 สูตรไม่ลับสู่สมดุล: กินอย่างไรให้ยั่งยืน
แล้วเราควรจะกินในสัดส่วนเท่าไหร่ดี? แม้จะไม่มีสูตรตายตัวสำหรับทุกคน แต่มีหลักการง่ายๆ ที่นำไปปรับใช้ได้
1. รู้จักปริมาณแคลอรีที่ต้องการ
✓
ลองประเมินดูว่าในแต่ละวันร่างกายเราต้องการพลังงานเท่าไหร่ ไม่จำเป็นต้องนับเป๊ะๆ ทุกมื้อ แต่การมีไอเดียคร่าวๆ จะช่วยให้เราไม่ "เติมเชื้อเพลิง" เกินความจำเป็น
2. ใส่ใจ "สัดส่วน" และ "คุณภาพ"
✓
คาร์โบไฮเดรต (40-50%): เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ธัญพืช เพราะมีใยอาหารสูง ทำให้น้ำตาลเข้าสู่เลือดช้าๆ
✓
โปรตีน (20-30%): เลือกโปรตีนคุณภาพดี เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ เต้าหู้
✓
ไขมัน (20-30%): เน้นไขมันดีจากพืช เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก ถั่วต่างๆ
กฎทองคำที่สำคัญที่สุด คือการ เน้นอาหารจริงที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด (Real Food) กินให้หลากหลายครบ 5 หมู่ และที่สำคัญคือ "ฟังเสียงร่างกาย" ของเราเอง เรียนรู้ที่จะแยกแยะความหิวจริงกับความอยาก แล้วคุณจะพบสมดุลพลังงานที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด
ปรับ "ส่วนผสมพลังงาน" ให้เหมาะกับโรค 🛡️
เมื่อระบบจัดการพลังงานของร่างกายเริ่มรวนจากโรคบางอย่าง การปรับสัดส่วนอาหารหรือ "เชื้อเพลิง" ที่เติมเข้าไปจึงเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมโรค
🥙 โรคอ้วน และ เบาหวานชนิดที่ 2
✓
เป้าหมาย: ลดภาระของอินซูลินและทำให้เซลล์กลับมาตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น
✓
การปรับ: ลดสัดส่วนคาร์โบไฮเดรต โดยเฉพาะน้ำตาลและแป้งขัดขาว แล้วเพิ่มใยอาหาร โปรตีนดี และไขมันดี เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปล่อยพลังงานออกมา ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูง ร่างกายจะถูกบังคับให้หันไปใช้พลังงานจากไขมันที่สะสมไว้มากขึ้น
🥙 โรคไตเรื้อรัง (CKD)
✓
เป้าหมาย: ลดภาระการทำงานของไตให้มากที่สุด
✓
การปรับ: จำกัดปริมาณโปรตีน ตามระยะของโรค ลดการสร้างของเสีย (ยูเรีย) ที่ไตต้องขับทิ้ง แต่ต้องแน่ใจว่าได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตและไขมันอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายไปสลายกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงาน ซึ่งจะยิ่งสร้างของเสียให้ไต
🥙 โรคไขมันพอกตับ (NAFLD)
✓
เป้าหมาย: หยุดการสร้างและสะสมไขมันใหม่ที่ตับ และกระตุ้นให้ตับใช้ไขมันเก่าออกไป
✓
การปรับ: ลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตอย่างจริงจัง โดยเฉพาะน้ำตาลฟรุกโตส (จากน้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำผลไม้) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้ตับสร้างไขมัน และควบคุมปริมาณไขมันอิ่มตัว
การเข้าใจกลไกเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนเกินจริง แต่เป็นเหมือนการได้อ่าน "คู่มือการใช้รถ" ที่ทำให้เรารู้จักดูแลรักษาร่างกายของเราได้อย่างถูกวิธี เพื่อให้ "เครื่องยนต์" นี้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพไปอีกนานเท่านานครับ
อ่านบน FB ได้ที่นี่
https://www.facebook.com/share/p/19P6MjKrQp/?mibextid=wwXIfr
สุขภาพ
ความรู้รอบตัว
อาหาร
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
รวมความรู้ภาวะอ้วน ( Obesity ) และการควบคุมน้ำหนัก
รวมความรู้เกียวกับเบาหวาน ( DM )
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย