9 ต.ค. เวลา 15:59 • นิยาย เรื่องสั้น

ตอนที่ 2 : จดหมายที่ไม่มีชื่อผู้ส่ง

เช้าวันนั้น ฝนยังไม่หยุดตกดีนัก
เสียงหยดน้ำร่วงกระทบกระเบื้องเก่าเป็นจังหวะเหมือนเสียงปลายนิ้วเคาะหัวใจของริญาเบา ๆ
เธอนั่งอยู่ตรงโต๊ะไม้ริมหน้าต่าง มือยังถือกระดาษแผ่นบางที่เริ่มชื้นด้วยไอฝน
“หัวใจยังเขียนถึงเธอ”
เพียงประโยคเดียว แต่กลับเหมือนปลดกลอนบางอย่างในใจให้เปิดออก
หมึกที่จางนั้นบอกได้ว่า จดหมายถูกเขียนมานานแล้ว — นานพอ ๆ กับวันที่เธอเดินหนีจากที่นี่ไปโดยไม่เหลียวหลัง
ใครกัน...ที่ยัง “เขียนถึงเธอ”
และเพราะอะไร…จึงส่งมาถึงในวันที่เธอเพิ่งกลับมา?
ลมหอบกลิ่นดินชื้นเข้ามาในห้อง เธอลูบกระดาษนั้นอีกครั้งช้า ๆ เหมือนกลัวมันจะหาย
หัวใจเริ่มทำงานเหมือนนาฬิกาเรือนเก่าที่เพิ่งได้ถ่านใหม่ — เสียงติ๊กเบา ๆ ในอกทำให้เธออยากรู้คำตอบ
แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าจะต้องเจอกับสิ่งที่เธอไม่พร้อมจะจำ
เธอพับกระดาษใส่ซองไว้เหมือนเดิม แล้ววางมันในกล่องไม้เล็ก ๆ ที่เคยใส่พู่กันในวัยเด็ก
กล่องที่เขา…ภาณุ เป็นคนสลักชื่อเธอไว้ด้านใน
“Rinya – For stories that never end.”
ตัวอักษรนั้นยังอยู่ แม้สีไม้จะซีดลงตามเวลา
เธอลูบเบา ๆ แล้วหัวเราะทั้งน้ำตา — มันช่างประชดเหลือเกิน ที่คนเขียนกล่องนี้คือคนเดียวกันกับคนที่เธอเคยอยากให้ “เรื่องของเรา” จบลง
แต่เวลาผ่านไปสิบปี เธอกลับกลับมาหาเขาอีกครั้ง…โดยไม่รู้ตัว
“คุณริญา จะรับของไหมคะ?”
เสียงไปรษณีย์ท้องถิ่นดังขึ้นจากรั้วหน้าบ้าน เธอรีบเดินออกไปรับ
ซองเล็ก ๆ สีครีมจากคนส่งดูธรรมดา แต่ในมุมซองกลับมีรอยดินเปื้อน
ไม่มีชื่อผู้ส่ง…อีกแล้ว
“ช่วงนี้คุณมีแฟนคลับแถวนี้แน่เลย” คนส่งหัวเราะ
“เมื่อวานก็ซองหนึ่ง วันนี้อีกซองหนึ่ง เขียนสวยเชียว ดูเหมือนผู้ชายเขียนนะครับ”
ริญาเผลอยิ้มเจื่อน ๆ ไม่ตอบ
หัวใจเธอเต้นถี่ขึ้นอย่างไร้เหตุผล ทั้งที่เหตุผลนั้นอาจชัดเจนตั้งแต่แรก
เธอกลับเข้าบ้าน เปิดซองอย่างระมัดระวัง
ข้างในไม่มีตัวอักษรมากนัก — มีเพียงกระดาษแผ่นเล็ก กับรอยดินเล็ก ๆ เหมือนใครวางไว้ตอนยังไม่แห้ง
“ฝนตกอีกแล้ว
เหมือนวันที่เธอบอกว่าเสียงฝนทำให้เขียนไม่ออก
แต่ฉันกลับรู้สึกว่า เสียงฝนคือบทสนทนาของหัวใจ
ที่ยังไม่อยากเงียบลง”
เธออ่านแล้วนิ่งนาน
ตัวอักษรที่เขียนเรียบร้อยแต่ไม่ประดิษฐ์ มีกลิ่นอายคุ้นเคยเหลือเกิน
คุ้น...เหมือนลายมือของใครบางคนที่เธอเคยนั่งจ้องผ่านกระดาษเวลาช่วยเขาตรวจต้นฉบับเมื่อสิบปีก่อน
“ภาณุ...”
ชื่อหนึ่งหลุดออกจากริมฝีปากอย่างเบา
ยามบ่ายนั้น ฝนซา เหลือเพียงละอองหมาด ๆ บนใบมะลิ
เธอต้มชา แล้วเปิดสมุดบันทึกเก่าที่เธอทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนจากบ้าน
หน้าสุดท้ายมีตัวหนังสือเขียนไว้ด้วยหมึกสีเดียวกับในจดหมายเมื่อครู่
“อย่าปิดประตูหัวใจเพราะเสียงฝน
เพราะบางที...คนที่เคยหลงทาง
อาจกำลังยืนรออยู่ตรงชายคาเดียวกัน”
เธอหลับตา ปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นไหลเข้าสู่หัวใจ
ในความเงียบ เธอได้ยินเสียงฝนไกล ๆ — เหมือนใครกำลังขีดพู่กันลงบนกระดาษอีกครั้ง
ไม่ใช่ภาพ แต่เป็นเสียงของความคิดถึงที่ไม่เคยลบหาย
ตกเย็น เธอเดินออกมาหน้าบ้าน
กลิ่นหอมของดินหลังฝนยังอบอวล และระหว่างที่เธอกำลังจะปิดรั้ว เธอก็เห็นเงาเคลื่อนไหวอยู่หลังแนวไม้ไผ่ข้างบ้าน
ชายร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนกำลังรดน้ำต้นไม้
น้ำจากบัวรดไหลกระทบกระถางดินแดงเป็นสายยาว
เขาเงยหน้าขึ้นพอดีกับที่เธอหันไปมอง
เพียงเสี้ยววินาทีนั้นเอง
โลกทั้งใบก็เหมือนเงียบลง
เขามีรอยยิ้มบาง ๆ
อบอุ่นและเงียบเหมือนเมื่อสิบปีก่อน
และแม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ เธอก็รู้ได้ในทันทีว่า — เขาคือ ภาณุ
หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง
ในมือยังคงถือซองจดหมาย
ลมหอบกลิ่นฝนและกลิ่นมะลิผสมกัน
เธอไม่รู้ว่าควรยิ้มหรือควรหลบสายตา
จึงทำได้เพียงยืนนิ่ง — แล้วปล่อยให้ฝนเริ่มโปรยลงอีกครั้งระหว่างรั้วไม้
“บางครั้ง จดหมายที่ไม่มีชื่อผู้ส่ง
ก็ไม่ต้องการให้เราถามว่าใครเขียน
แต่อยากให้เราจำได้ว่า...ยังมีใครบางคน
ที่ไม่เคยเลิก ‘เขียนถึงเรา’ เลย”
ริญายิ้มจาง ๆ น้ำตาคลอเล็กน้อย
เธอเงยหน้ามองฟ้า เห็นเมฆฝนลอยช้า ๆ ผ่านยอดไม้
เสียงหัวใจเธอแผ่วแต่ชัด —
ไม่ต่างจากเสียงฝนที่พรำลงบนหลังคาไม้หลังเก่า
เสียงที่เธอรู้ดีว่า...เธอไม่เคยลืมเลย
.
.นลินฟ้า พิมพ์สกุล

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา