Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ชตระกูล ศรีสวัสดิ์
•
ติดตาม
27 ต.ค. เวลา 14:00 • ประวัติศาสตร์
ไทย
Five Cent Country
อาจจะไม่ใช่แค่หวังแร่ธาตุหายากเท่านั้น เมื่อ นายกฯ อนุทิน ลงนาม MOU
ในการตามหาแร่ธาตุหายาก ระหว่างไทย-สหรัฐ ฯ แต่อยู่ภายใต้หลักกฎหมายและรัฐธรรมนูญไทย
วัตถุประสงค์ของบันทึกความเข้าใจนี้ คือ
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมในการพัฒนาและขยายห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญ
เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างผู้เข้าร่วมในการสำรวจ
การสกัด การแปรรูปและการกลั่น และการรีไซเคิลและการนำกลับคืนทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญ
3
เพื่อส่งเสริมการลงทุนที่สนับสนุนการเพิ่มมูลค่าและการแปรรูปในประเทศ แทนที่จะส่งออกวัตถุดิบเท่านั้น
1
และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ตลาดแร่ธาตุสำคัญและแร่ธาตุหายาก ที่เปิดกว้าง มีประสิทธิภาพ มั่นคง และโปร่งใส
เพื่อปรับปรุงความแข็งแกร่ง ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองของห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญในสหรัฐและไทย
เป้าหมายเหมือนจะเพื่อแสวงหาความรู้และเทคโนโลยี ด้วยความสำเร็จอันยอดเยี่ยมที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมานั้น
ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นได้จากการเสียสละสภาพแวดล้อมการดำรงชีวิตของคนรุ่นหลัง
2
ดังนั้นแล้ว ในอนาคต คนรุ่นเราอาจจะต้องถูกสาปแช่งจากคนรุ่นหลัง
3
ผมเองเคยเห็นบทความหนึ่งที่บอกว่าไม่ใช่ว่ายุโรปกับสหรัฐอเมริกาขาดแคลนแร่ธาตุหายาก
แต่เป็นเพราะการทำให้บริสุทธิ์ของพวกนี้.....มันก่อมลพิษมากเกินไป
1
พวกเขาเลยเลือกที่จะส่งแร่ธาตุหายากมาทำบริสุทธิ์ที่อื่น แล้วค่อยขนกลับ แทนที่จะไปแปรรูปเอง
ก็แค่นั้นเองจริงๆ
หากผมอยากจะพูดถึง ภาพรวมของการเกิดของเสียในการผลิตธาตุหายาก (REEs) ทำไมประเทศอื่นไม่ผลิตแร่ธาตุหายากบ้างล่ะ???
การผลิตธาตุหายาก (REEs) ต้องอาศัยการทำเหมืองแร่และการสกัดทางเคมีเป็นหลัก
การผลิตนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งดูดซับไอออนและแหล่งบาสต์เนไซต์ (Bastnäsite)
คือ ไทยแม่งล้ำตรงไหนก่อน...
ซึ่งจะพูดเป็นภาษาคนก็คือ แร่ธาตุ ชนิดหนึ่งที่เป็นแหล่งสำคัญของธาตุหายาก (REEs) ยกตัวอย่างเช่น ซีเรียม (Ce) และแลนทานัม (La)
โดยแร่ชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น พลังงานลม รถยนต์ไฟฟ้า แผงโซลาร์เซลล์ และ แม่เหล็กแรงสูง
ซึ่งขอบอก...ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่อยู่ในประเทศจีน ส่วนดีของมันก็คือ
มันสามารถก่อให้เกิดของเสีย(ของแข็ง) น้ำเสีย ก๊าซเสีย และกากกัมมันตรังสีจำนวนมาก
1
ของเสียเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากปริมาณธาตุหายากในแร่ชนิดต่ำ (โดยทั่วไปอยู่ที่ 0.05%-0.5%) ซึ่งจำเป็นต้องกำจัดกากตะกอนและกากเคมีออกจำนวนมาก
แต่อย่าให้ผมพูดถึงเลขอะตอมเลยนะครับ เพราะจากการประมาณการจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้หลายแหล่ง
ชี้ให้เห็นว่าการผลิตออกไซด์ของธาตุหายาก (REO) หนึ่งตันโดยทั่วไปจะก่อให้เกิดของเสียที่เป็นพิษประมาณ 2,000 ตัน
ตัวเลขนี้ ซึ่งรวมถึงกากตะกอน กากกัมมันตรังสี และสารมลพิษทางเคมี
ที่ผมอยากกล่าวก็เพื่อ สะท้อนให้เห็นถึงภาระด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของอุตสาหกรรมแร่ธาตุหายากนี้
แม้ว่าแหล่งข้อมูลต่างๆ จะอธิบายเกี่ยวกับของเสียที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่แนวคิดหลักยังคงสอดคล้องกัน
และต่อไปนี้คือ ความเกี่ยวข้องกับข้อมูลสรุปของปริมาณขยะทั่วๆไปที่เกิดขึ้นต่อการผลิตแร่ธาตุหายากหนึ่งตัน (ตามกระบวนการขุดและสกัดแบบดั้งเดิม)
กล่าวคือ ในคำอธิบาย ประเภทของเสีย ปริมาณ (ตันหรือลูกบาศก์เมตร)
เราจะได้ ขยะพิษที่เป็นของแข็ง (กากแร่) ประมาณ 2,000 ตัน ส่วนใหญ่เป็นเศษแร่จากกระบวนการแปรรูปแร่
ซึ่งมีโลหะหนักและธาตุกัมมันตรังสี (เช่น ทอเรียมและยูเรเนียม) ซึ่งสามารถปนเปื้อนดินและน้ำได้ง่าย
นั่นคือ กากกัมมันตรังสี 1 ตัน เราจะได้สารกัมมันตรังสีที่เกี่ยวข้องกับแร่ต่างๆเป้นของแถม
ของแถมส่วนนี้ ต้องได้รับการบำบัดเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม
จะเห็นได้ว่า น้ำเสีย 75 ลูกบาศก์เมตร ประกอบด้วยสารเคมีที่เป็นกรดและโลหะหนักซึ่งสามารถปนเปื้อนน้ำใต้ดินได้โดยง่ายๆหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม
ส่วน ก๊าซเสีย 9,600-12,000 ลูกบาศก์เมตร รวมถึงก๊าซอันตราย
เช่น ไฮโดรเจนฟลูออไรด์และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เราก็จะได้แถมเข้ามาในชั้นบรรยกาศด้วย ซึ่งมันก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ
ฝุ่น 13 กิโลกรัม (0.013 ตัน) เกิดขึ้นระหว่างการทำเหมืองและการบด
ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนงานและระบบนิเวศโดยรอบของเสียจากการขุดค้นดิน 1,300-1,600 ลูกบาศก์เมตร
1
ผมขอเอาแค่เฉพาะการทำเหมืองแบบดูดซับไอออน มันก็จะสร้างความเสียหายต่อพืชพรรณและทำให้เกิดการกัดเซาะของดิน
ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ส่วนใหญ่ ผมจะขออ้างอิงจากกระบวนการผลิตของเหมืองแรร์เอิร์ธแบบดูดซับไอออนในภาคใต้ของประเทศจีนนะครับ
เพราะเขามีโรงงานเหล่านี้เป็นจำนวนมาก
ประเทศจีนซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนมากกว่า 85% ของอุปทานทั่วโลก
มีความเห็นพ้องต้องกันของอุตสาหกรรมทั้งหมด คือของเสียทั้งหมดสูงถึง 2,000 ตันต่อแรร์เอิร์ธหนึ่งตัน
โดยบางแหล่งเน้นย้ำถึงลักษณะ "เป็นพิษ" ซึ่งอาจนำไปสู่ระดับโลหะหนักที่มากเกินไปในดินและภาวะน้ำชนิดเป็นกรดกัดกร่อนกันเลยทีเดียว
หากยังไม่ตะหนักต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการพิจารณาความยั่งยืนคำนึงถึง
บริบทระดับโลก กันสักเท่าไหร่
ผมจะขอยกตัวอย่างมาทั้งโลกเลยล่ะกัน
1
ในการผลิตแร่แรร์เอิร์ธทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 350,000 ตันเทียบเท่า REO ในปี 2567
แต่ในความเป็นจริงของเสียทั้งหมดอาจเกิน 700 ล้านตันต่อปี
1
ปกติแล้วบ่อพักกากแร่ ที่ใช้สำหรับแปรรูปของเสียเหล่านี้มักเกิดการรั่วไหล
ทั้งการบำรุงรักษาไม่ดี รวมถึงการกัดกร่อน ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและน้ำดื่มในท้องถิ่นทั่วโลก
แล้วววววว ทางด้านมาตรการบรรเทาผลกระทบล่ะ???
โดยปกติแล้ว การรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ (e-waste) สามารถลดความจำเป็นในการทำเหมืองใหม่ได้มากโขอยู่นะครับ
1
เพราะปัจจุบัน ขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกมีแร่ธาตุหายากเนาะๆก็ประมาณ 70,000 ตัน
รวมถึงนีโอดิเมียม (Neodymium)แต่อัตราการนำกลับมาใช้ใหม่มีเพียง 1% เท่านั้น
เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การให้ความร้อนแบบจูลแฟลช (Joules flash) เป็นการให้ความร้อนด้วยไฟฟ้าอุณหภูมิสูงชั่วคราว
ซึ่งสามารถสกัดแร่ธาตุหายากออกจากวัสดุเหลือใช้
เช่น เถ้าถ่านหิน โดยใช้พลังงานเพียง 600 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อตัน และเพิ่มผลผลิตได้ 150%-200%
แต่มักจะการเกิดของเสียที่ได้แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของแหล่งแร่ กระบวนการ และมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม
เช่น ไฮโดรเมทัลลูร์จิคัล กระบวนการทางวิศวกรรมที่ใช้สารละลายเพื่อสกัดและทำให้โลหะบริสุทธิ์จากแร่หรือวัตถุดิบรีไซเคิล
ใน แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน หรือแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) กระบวนการนี้มีข้อดีคือ
ให้ความบริสุทธิ์ของผลิตภัณฑ์สูง, ใช้พลังงานต่ำ, และก่อให้เกิดมลพิษน้อยกว่าวิธีแบบเดิม เมื่อเทียบกับ ไพโรเมทัลลูร์จิคัล
แม้ว่าการเกิดของเสียในประเทศที่พัฒนาแล้ว (เช่น เหมืองเมาท์เวลด์ในออสเตรเลีย) อาจต่ำกว่า
แต่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกยังคงอยู่ที่ประมาณ 2,000 ตัน ซึ่งผมขอบอกว่า.......มันร้ายแรงมาก
2
ในปัจจุบัน สหรัฐเริ่มรุกคืบในทุกหนแห่งก็เพราะการเฟ้นหาสิ่งเหล่านี้ จนไม่เหลือแม้แต่ในโบราณสถาน
1
และที่สำคัญคือ แร่หายากเป็นสิ่งเดียวที่จีนสามารถใช้เพื่อบีบคอประเทศต่างๆ ได้ ฮาาาา...
ด้วยกระบวนการขุดและสกัดแบบดั้งเดิม ไม่ใช่แค่สร้างมลพิษ แต่มันคือต้นทุน(ต่างหาก)ที่ทำให้ประเทศอื่นไม่กล้าผลิต
แต่มลพิษไม่ใช่สำหรับจีนและสหรัฐอเมริกา
เทคโนโลยีของจีนในด้านนี้พัฒนาขึ้นมาก ส่งผลให้มลพิษน้อยลงและต้นทุนลดลง
เป็นเพราะเทคโนโลยีที่ด้อยคุณภาพ(ของสหรัฐ)นั่นเองที่ทำให้พวกเขาสามารถใช้มันเพื่อควบคุมสหรัฐอเมริกาได้
ประเด็นสำคัญ คือ การกลั่นทองคำนั้นก่อมลพิษมากกว่าโลหะหายากเสียอีก
1
ดังนั้น ที่ผมจะบอกก็คือ ไม่ใช่มลพิษของโลหะหายาก แต่เป็นราคาที่ควรขายหลังจากการผลิตต่างหาก
แน่นอนครับ พวกเขาอาศัยอยู่ในที่ที่ปราศจากมลพิษ และคนที่ตายไปก็เป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งนั้น
แล้วจะกลัวอะไรล่ะ? หากส่งเสริมการลงทุนที่สนับสนุนการเพิ่มมูลค่าและการแปรรูปในประเทศ แทนที่จะส่งออกแต่วัตถุดิบเท่านั้น???
ในประเทศของพวกเขากินอาหารที่สะอาดและไม่เป็นพิษอยู่แล้ว ดังนั้นสารพิษเล็กๆ น้อยๆ ในที่พักอาศัยของพวกเขา จึงไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขามากนัก
สำหรับประเทศไทย
หากพวกเขาหาเงินได้และยังสามารถส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ
และเห็นว่าการทำสัญญาเพื่อหาและถลุงแร่หายากจะเป็นผลดีต่อประเทศเรา
ก็...ปล่อยให้พวกเราคนไทยทุกคน... จงภูมิใจเถอะ.!!!
ไทย
สหรัฐอเมริกา
กัมพูชา
บันทึก
8
8
6
8
8
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย