17 ธ.ค. 2023 เวลา 06:00

การเชื่อมจิต ไม่มีในพุทธศาสนาดังนี้ โดย Tui Space

สืบเนื่องจากมีผู้ปกครองเด็กอายุ 8 ขวบอ้างเด็กได้บรรลุธรรม พร้อมทั้งสามารถเชื่อมจิตได้ โดยอ้างว่าเป็นหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าในพุทธศาสนา ดังนั้นจึงไม่พ้นที่จะถูกตรวจสอบเป็นธรรมดา เรามาดูว่าที่ผู้ปกครองเด็กกล่าวอ้างมา จริงเท็จอย่างไร
ขอเน้นไปที่หลักธรรมคำสอนเป็นหลัก
ข้อแรก เนื้องจากบุคคลผู้เป็นผู้ปกครองของเด็ก 8 ขวบ ได้อ้างเด็กบรรลุธรรม ด้วยเหตุต่างๆที่มาจากวาจาผู้ปกครองหรือแม้แต่จากวาจาของน้องเอง ที่ได้พูดออกไปตามสื่อต่างๆ
เมื่อเป็นดังนี้ก่อนอื่นมาดูว่าเหตุของการบรรลุธรรมพระพุทธเจ้าตร้สไว้ว่าอย่างไร โดยใน โสตานุคตสูตร ข้อ 191 พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่ 21 พระพุทธเจ้าแสดงอานิสงส์ 4 ประการแห่งการฟังธรรมเอาไว้ว่า ผู้ที่จะได้รับอานิสงส์จากการฟังธรรมหรือผู้บรรลุธรรมนั้น จะต้องกระทำกิจมาก่อนดังนี้ว่า บุคคลนั้นย่อมเคยฟังธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูติธรรม เวทัลละ ธรรมเหล่านั้นเป็นธรรมอันบุคคลนั้นฟังเนืองๆ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ
คือต้องเคยฟังธรรมที่เรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์ อันประกอบไปด้วย สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูติธรรม เวทัลละ มาก่อนเนืองๆ จำติดปาก จำขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิในธรรมนี้มาก่อน แล้วเมื่อเหตุปัจจัยประชุมพร้อมแห่งการบรรลุธรรมจะได้อานิสงส์อย่างใดอย่างหนึ่งใน 4 ประการนี้
ประกอบด้วย
1.บทแห่งธรรมปรากฏขึ้นเอง คือระลึกธรรมได้เอง โดยไม่ต้องเคยฟังธรรมนี้จากใครในชาตินี้
2.ฟังภิกษุผู้มีฤทธิ์ ถึงความชำนาญแห่งจิต แสดงธรรมแก่เทพบริษัทอยู่ แล้วเข้าใจเนื้อความแห่งธรรมนั้นตามได้
3.ฟังเทพบุตรหรือบุคคลในกรณีที่ 2 แสดงธรรมแก่เทพบริษัทอยู่ แล้วรู้ธรรมตามได้
4.ฟังบุคคลในกรณีที่ที่ 3 มาบอกธรรมแก่ตนแล้วสามารถรู้ตามธรรมได้
นี่คือเหตุให้ได้รับอานิสงส์จากการฟังธรรม 4 ประการ หรือเป็นเหตุให้บรรลุธรรม 4 ประการ
กลับมาที่ตัวเด็ก ในกรณีที่ผู้ปกครองเด็กอ้างว่าเด็กบรรลุธรรม เมื่อนำเอาพระสูตรมาเทียบเคียงแล้วตรงกับข้อใด ดังที่ปรากฏเด็กไม่เคยศึกษาพระธรรมมาจากที่ใดเลย แล้วอ้างว่าตนบรรลุธรรม ก็จะไปตรงกับกรณีที่ 1 คือระลึกบทธรรมได้เอง ในกรณีที่ 1 นี้จะมีเพียงฐานะพระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่สามารถระลึกบทธรรมได้เอง
ดังนั้นเมื่อผู้แอบอ้างว่าบรรลุธรรมเองโดยไม่เคยฟังธรรมจากใครมาก่อน ผู้ฟังก็ย่อมต้องตรวจสอบธรรมตามหลัก มหาประเทศ 4 เบื้องต้นคือ เมื่อผู้อ้างตนนั้นกล่าวคำของพระพุทธเจ้าว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา เบื้องต้น ไม่พึงคัดค้านคำกล่าวนั้น เมื่อฟังแล้ว ควรศึกษาบทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี คือให้ถ้วนรอบ แล้วเทียบเคียงคำที่บุคคลกล่าวอ้างนั้น ว่าตรงกับพระสูตรใด สอบสวนว่าตรงกับพระวินัยใด
ถ้าเมื่อเทียบเคียงในพระสูตร สอบสวนในพระวินัยแล้ว บทและพยัญชนะเหล่านั้น เทียบเคียงกันไม่ได้ในพระสูตร สอบสวนกันไม่ได้ในพระวินัย ให้สันนิษฐานได้ว่า นั่นไม่ใช่คำของพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน บุคคลผู้กล่าวอ้างฟังมาผิด บุคคลนั้นกล่าวผิด เมื่อเป็นดังนี้ ให้ทิ้งคำนี้ไปเสีย คือให้ทิ้งความเห็นผิดไป
แต่เมื่อคำกล่าวนั้น เทียบเคียงกันได้ในพระสูตร สอบสวนกันได้ในพระวินัย ในข้อนี้พึงลงสันนิษฐานได้ว่า นี้เป็นคำของพระพุทธเจ้าแน่แท้ และเขารับธรรมมาดีแล้ว คำว่า เทียบเคียงกันได้ในพระสูตร สอบสวนกันได้ในพระวินัย หมายถึงต้องตรงทั้งบทพยัญชนะและความหมายด้วย หากยกเพียงบทพยัญชนะมา แต่ความหมายไม่ตรง ก็ให้กลับไปที่ข้อที่แรก
เมื่อตรวจสอบธรรมที่เด็กอายุ 8 ขวบแสดงแล้ว ไม่มีในพระสูตร ไม่มีในพระวินัยใดเลย ที่แสดงเรื่องการเชื่้อมจิตเอาไว้ ไม่มีการแสดงเอาไว้ว่า เธอจงเชื่อมจิตกับเราเบื้องต้นดังนี้ ท่ามกลางดังนี้ ที่สุดดังนี้นะ เธอไม่ต้องศึกษาธรรมะ แค่เชื่อมจิตกับเราก็บรรลุธรรมได้ ไม่มี
เมื่อไม่มีการบัญญัติหลักสูตรการปฏิบัติการเชื่อมจิต ก็ไม่ย่อมไม่มีการบัญญัติผลของการปฏิบัติการเชื่อมจิตเอาไว้ ว่าเบื้องต้นเมื่อเธอเชื่อมจิตกับเราแล้วเธอจะได้ผลดังนี้ ท่ามกลางเมื่อเธอเขื่อมจิตกับเราแล้วเธอจะได้ผลดังนี้ ที่สุดเมื่อเธอเชื่อมจิตกับเราแล้วเธอจะได้ผลดังนี้ ไม่มีเลย
เบื้องต้นธรรมที่เด็กอ้างว่าบรรลุธรรมในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อตรวจสอบแล้วไม่ตรงในพระสูตร หรือในพระวินัยใดเลย ไม่ตรงกับธรรมที่เรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์ อันประกอบไปด้วย สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูติธรรม เวทัลละ ใดเลยดังนั้นธรรมที่เด็กอายุ 8 ขวบคนนั้นแสดงจึงไม่ใช่ธรรมของพระพุทธเจ้า
เมื่อตรวจสอบข้อธรรมแล้วตรวจสอบวิธีปฏิบัติโดยการนั่งสมาธิ ในเรื่องการนั่งสมาธิได้บอกแล้วว่าไม่มีในพุทธศาสนา พระพุทธเจ้า ไม่เคยประกาศ ไม่เคยแสดง ไม่เคยปฏิบัติ ไม่เคยบัญญัติการนั้งสมาธิด้วยพระสูตรใดเลย
เมื่อไม่มีการประกาศ แสดง ปฏิบัติ บัญญัติการนั้งสมาธิด้วยพระสูตรใดแล้วก็ย่อมไม่มีผลของการปฏิบัติการนั่งสมาธิว่า เธอนั่้งเบื้องตนดังนี้แล้วจะได้ผลดังนี้ เธอนั่งท่ามกลางแล้วจะได้ผลดังนี้ เธอนั่งที่สุดแล้วจะได้ผลดังนี้ ไม่มีเลย
ดังนั้น ที่ผู้ปกครองของเด็กอ้างว่าเด็กบรรลุธรรม แล้วให้เด็กแสดงธรรมต่างๆที่ตนเชื่อว่าเป็นธรรมที่เด็กบรรลุนั้น เมื่อตรวจดูในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วในพระสูตรแล้ว จึงสรุปได้ว่า ธรรมที่เด็กอายุ 8 ขวบแสดงนั้นไม่ใช่ธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน
เมื่อเป็นดังนี้ธรรมที่แสดงอยู่นั้นเป็นธรรมที่กล่าวตู่ธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่ ในทางโลกแม้จะไม่มีโทษอะไร แต่ในทางธรรมแล้วโทษหนัก หากไม่กลับความเห็นผิดนี้หรือมีเหตุมีปัจจัยให้กลับความเห็นผิดนี้ได้ ความเห็นผิดนี้ก็เป็นไปในทุกข์
ด้วยเหตุดังนี้
1.ธรรมนั้นเป็นธรรมจากบุคคลผู้รู้ไม่จริง
2.ผู้ที่ฟังธรรมจากบุคคลที่รู้ไม่จริง เมื่อนำธรรมนั้นไปปฏิบัติ ก็จะทำในลักษณะที่ทำสืบๆกันไป
3.เมื่อเป็นธรรมที่ทำในลักษณะที่ทำสืบๆกันมา ก็ย่อมคาดเดาผลของการปฏิบัติ เช่น นี่ก็น่าจะถูก นั่นก็น่าจะดี นี่ก็น่าจะเป็นดังนี้
4.ที่สุดก็งมงาย คือไม่รู้จริงเห็นจริง ไม่รู้แจ้งแทงตลอดในสิ่งนั้นจริงๆ
เป็น 4 อาการ รู้ไม่จริง ทำสืบๆกันมา คาดเดา แล้วก็งมงาย
1
ดังนั้น การเชื่อมจิตเพื่อให้บรรลุธรรม จึงไม่มีในพุทธศาสนาแต่อย่างใด
อ้างอิง
โสตานุคตสูตร ข้อ 191 พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่ 21
รายละเอียดเพิ่มเติมในธรรมส่วนอื่นๆ 👇
แนวทางสู่โสดาบัน✔
โฆษณา