9 ธ.ค. 2023 เวลา 01:00 • ความคิดเห็น

ตอนที่ 16 บทสรุปขี่นตอนการดำเนินการทางวินัยที่ไม่เป็นธรรม

เมื่อมีการสอบสวนวินัยเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย จังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขมิได้มีการแจ้งผลการดำเนินการทางวินัยกับผู้เสียหายทราบแต่อย่างใด ทั้งที่ผู้เสียหายโทรถามความคืบหน้ามาโดยตลอด จนกระทั่งผู้เสียหายมีหนังสือ ลว.6 ต.ค.2563 สอบถามผลการดำเนินการทางวินัย ซึ่ง นพ.สสจ.ลงนามปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจัวหวัด แจ้งผลการดำเนินการทางวินัยมาในวันที่ 3 พ.ย.2563
หนังสือการติดตามเรื่องและแจ้งผลการดำเนินการทางวินัย
จึงเห็นได้ว่า ขั้นตอนการดำเนินการทางวินัยกรณีนางหนึ่งใช้เวลา 1 ปี 2 เดือน 21 วัน ตลอดเวลานางหนึ่งและนางสอง คงใส่ความด้วยข้อความอันเท็จจนเพื่อนในรุ่นต่างพากันกล่าวหาว่าผู้เสียหายไม่ยอมเลิกรา ร้องเรียนไม่หยุด เป็นตัวทำลายชื่อเสียงรุ่น ทั้งที่ผู้เสียหายมิได้กระทำความผิดใดๆ และใช้กฎหมายในการเรียกร้องความเป็นธรรมเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่าผู้เสียหายมิได้เป็นผู้กระทำความผิด และต้องการให้ผู้กระทำความผิดมีความสำนึกถึงการกระทำของตน
ผังการดำเนินการทางวินัยที่ล่าช้า
นับแต่ขั้นตอนการร้องเรียนที่โรงพยาบาล กองการพยาบาลไม่ดำเนินการตามคำสั่งของผู้อำนวยการโรงพยาบาลทำให้ไม่มีการดำเนินการใดๆ เป็นเวลา 1 เดือน จนต้องมีหนังสือติดตามเรื่องและมีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้น เมื่อรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงมายังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ปรากฏว่าไม่มีการดำเนินการใดๆเป็นเวลา 1 เดือน
ผู้เสียหายทำหนังสือติดตามเรื่อง นพ.สสจ.กลับรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่โรงพยาบาลรายงานเข้า โดยอ้างว่าผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ชัดเจนและเสนอให้แต่งตั้งคณะกรรมการคณะกรรมการสืบสวนขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อนกับณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อให้เกิดตวามล่าช้าและไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา 90 และมาตรา 93
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นพ.สสจ. อ้างว่าผู้ว่าราชการจังหวัดใช้อำนาจตามมาตรา 91 ซี่งระบุไว้ชัดเจน ให้ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา ๕๗ รีบดำเนินการ หรือสั่งให้ดำเนินการสืบสวนหรือพิจารณาในเบื้องต้นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัยหรือไม่ และมาตรา 91 วรรควสอง ระบุว่าในกรณีที่เห็นว่ามีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทำผิดวินัย โดยมีพยานหลักฐานในเบื้องต้นอยู่แล้ว ให้ดำเนินการต่อไปตามมาตรา ๙๒ หรือมาตรา ๙๓ แล้วแต่กรณี
แต่กรณีนี้ มีการชี้มูลความผิดแล้ว แต่นพ.สสจ.รายงานไม่ตรงข้อเท็จจริง และยังกล่าวหาว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทำงานบกพร่อง ไม่ชัดเจน และไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรา 93 โดยเสนอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของโรงพยาบาล
เมื่อผู้เสียหายทำหนังสือคัดค้านการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนที่ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา 90 มาตรา 91 และมาตรา 93 และขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานรัฐปฏิบัติตามกฎหมาย โดยดำเนินการทางวินัยกับผู้เก็บ-ซ่อน ไม่เสนอหนังสือ รพ.และหนังสือร้องเรียนนางสอง แต่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและยับยั้งการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย ไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งที่ผู้เสียหายทำหนังสือติดตามรวม 4 ฉบับ
แต่กลับทำหนังสือแจ้งผู้เสียหายว่า ผู้ว่าเสียหายไม่ใช่คู่กรณี ตามพระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา 5 ที่จะเข้ามาในขั้นตอนการดำเนินการทางวินัย ทั้งที่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ระบุว่าชัดเจนว่า คู่กรณี หมายถึง ผู้เสียหาย คือผู้ยื่นคำขอ และยื่นคำคัดค้าน.... และผู้เสียหายก็เป็นผู้ยื่นหนังสือขอให้ดำเนินการทางวินัยกับนางหนึ่งและนางสอง อีกทั้งยื่นคำขอคัดค้านการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวน และผู้เสียหายมิใช่คู่กรณีอย่างไร
ในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องใช้พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ อยู่เป็นประจำ แต่ตีความกฎหมายจำกัดสิทธิของประชาชนในการเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐและได้รับแจ้งผลการพิจารณาโดยรวดเร็ว และสิทธิในการติดตาม และเร่งรัดให้รัฐดำเนินการ ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 41 (2) และ มาตรา 51
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ด้วยความสงสัยว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงไม่ปฏิบัติตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรม จึงได้ดำเนินการขอข้อมูลข่าวสารของทางราชการ ซี่งได้พบการการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่มากยิ่งขึ้น ติดตามต่อไป
โปรดกดติดตามเพจ
มาดูกันว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โตแค่ไหน กดอ่านได้ที่
เรื่องเล็กๆ...สู่ปัญหาการใช้และตีความที่ไม่เป็นธรรม บทนำ
ตอนที่ 1 ความคุ้นชินกับการกระทำผิด
ตอนที่ 2 ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือ
ตอนท่ 3 รายงานไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ตอนที่ 4 การแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อน
ตอนที่ 5 การไม่ดำเนินการตามหนังสือคัดค้านและร้องเรียนเพิ่มเติม
ตอนที่ 6 ผู้ว่าราชการจังหวัดตีความว่าผู้ร้องเรียนไม่ใช่คู่กรณี
ตอนที่ 7 การร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงสาธารณสุข
ตอนที่ 8 ผลการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 9 การสอบสวนวินัยรายแรงโดยมิได้ใช้ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของโรงพยาบาล
ตอนที่ 10 ผลที่เกิดขึ้นจากรายงานการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 11 สำนักงานสาธารณสุขให้ความช่วยเหลือนางสอง
ตอนที่ 12 ผลการสอบสวนวินัยกรณีนางสอง
ตอนที่ 13 ปัญหาการไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง กรณีที่ 1
ตอนที่ 14 ปัญหาการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งและชี้แจงนอกประเด็น กรณีที่ 2
ตอนที่ 15 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งและชี้แจงนอกประเด็นกรณีที่ 34
ตอนที่ 16 บทสรุปขั้นตอนการดำเนินการทางวินัยที่ไม่เป็นธรรม
ตอนที่ 17 ขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสารของทางราชการ
ตอนที่ 18 จังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 19 จังหวัดยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเพียงบางส่วน
ตอนที่ 20 นพ.สสจ.แจ้งต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 21 ผู้เสียหายทำหนังสือโต้แย้งการพิจารณาของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 22 นพ.สสจ.ชี้แจงว่า ผวจ.มิได้ทำดคำสั่งในหนังสือที่ร้องขอทั้ง 4 ฉบับ
ตอนที่ 23 คณะอนุกรรมการมีหนังสือถึงผู้สียหายตามที่จังหวัดชี้แจง
ตอนที่ 24 การตรวจสอบความีอยู่ของข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 25 จังหวัดชี้แจงต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 26 ติดตามผลการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 27 ผลการตรวจสอบความมีอยู่ของข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 28 ขอทราบขั้นตอนการเสนอหนังสือทั้ง 5 ฉบับที่ร้องขอ
ตอนที่ 29 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายใยขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 30 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานสาธารณสุข
ตอนที่ 31 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของจังหวัด
ตอนที่ 32 ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติรการของจังหวัด
ตอนที่ 33 เหตุแห่งการร้องขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 34 การร้องเรียนขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 35 การบังคับใช้กฎหมายในระดับกระทรวง
ตอนที่ 36 ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอนที่ 37 บทวิเคราะห์การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ
ตอนที่ 38 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตอนที่ 39 การฟ้องคดีต่อศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ
โฆษณา