15 ธ.ค. 2023 เวลา 01:00 • ความคิดเห็น

ตอนที่ 23 คณะอนุกรรมการมีหนังสือถึงผู้เสียหายตามที่จังหวัดชี้แจง

คณะอนุกรรมการพิจารณาส่งคำอุทธรณ์และดำเนินการเรื่องร้องเรียน ได้มีหนังสือถึงผู้เสียหาย ลว.5 พ.ค.64 แจ้งผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนว่า
“จังหวัดไม่มีข้อมูลข่าวสารตามข้อโต้แย้งของท่านจำนวน 5 รายการในความครอบครอง รายละเอียดปรากฎตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ดังนั้น จึงเป็นกรณีที่หน่วยงานรัฐแจ้งว่า ไม่มีข้อมูลข่าวสารตามที่ท่านร้องขอ หากท่านไม่เชื่อการแจ้งดังกล่าวของจังหวัดสระบุรีสามารถใช้สิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
ตามมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เพื่อเข้าตรวจสอบตวามมีอยู่ของข้อมูลข่าวสารดังกล่าวได้ต่อไป”
หนังสือคณะอนุกรรมการข้อมุลข่าวสารฯแจ้่งผลการพิจารณา
เนื่องจาก นพ.สสจ.ชี้แจงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงต่อคณะอนุกรรมการพิจารณาส่งคำอุทธรณ์และดำเนินการเรื่องร้องเรียนว่า “ไม่มีเอกสารสำเนาคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกษียณในหนังสือตามที่ร้องร้องขอ...” ทั้งที่ ข้อเท็จจริงในเอกสารทางราชการพบว่า หนังสือ ลว.12 ก.พ.63 ลว.6 มี.ค.63 และ ลว.21 ก.พ.63 ตามที่กล่าวมาในตอนที่ 22 ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติราชการแทน (ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย) ได้มีการพิจารณาหนังสือทั้ง 4 ฉบับตามที่ผู้เสียหายร้องขอและน่าจะสั่งการให้ นพ.สสจ.ชี้แจง
หนีังสือที่แสดงให้่เห็นว่าข้อมูลข่าวสารที่ผู้เสียหายร้องขอมีการเสนอให้ ผวจ.พิจารณาและสั่งการ
การปฏิบัติหน้าที่ของ นพ.สสจ. มีความชัดเจนว่า ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามที่ผู้เสียหายร้องขอมาตั้งแต่แรก และจงใจชี้แจงเท็จต่อคณะอนุกรรมการพิจารณาส่งคำอุทธรณ์และดำเนินการเรื่องร้องเรียนไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยไม่ปฏิเสธการไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารโดยตรง ทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถเข้าถึงสิทธิในการได้รับทราบข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐ ตามรัฐธรรมนูญฯมาตรา 41 (1) และสิทธิเข้าตรวจดูหรือขอสำเนาข้อมูลข่าวสารตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540
ต้นเหตุของเรื่องนี้ เกิดจากการเรียก-รับเงินของเจ้าหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ภายหลังผู้เสียหายได้รับเงินคืนครบถ้วนแล้ว แต่ด้วยสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ซึ่งกระทำผิด มิได้รู้สึกผิด กระทำการใส่ความผู้เสียหายด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้ผํู้เสียหายเสียชื่อเสียง จึงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายร้องเรียนเอาผิดเจ้าหน้าที่เพื่อให้รู้สึกสำนึกถึงความผิด แต่เรื่องบานปลายมากขึ้นเมื่อเลขานุการของ สสจ.ได้นำหนังสือร้องเรียนออกมาเปิดเผยและวิพากย์วิจารณ์จนเกิดความเสียหายมากยิ่งขึ้น จนปัจจุบันผู้เสียหายกลายเป็นจำเลยของสังคม
ต่อมาเมื่อเข้าสู่กระบวนการดำเนินการทางวินัย สำนักงานสาธารณสุขดำเนินการรายงานเท็จว่า การตรวจสอบข้อเท็จริงของ รพ. ไม่ชัดเจน และเสนอให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อน ทั้งที่ รพ.รายงานว่า “กรณีมีมูลกระทำความผิดวินัยร้ายแรง” ผู้เสียหายมีหนังสือคัดค้านและขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดถึง 4 ฉบับ แต่ก็มิได้มีการดำเนินการที่มิชอบด้วยกฎหมายมิได้ถูกยับยั้งหรือดำเนินการใดๆ แต่ ผวจ.ทำหนังสือแจ้งว่าผู้เสียหายไม่ใช่คู่กรณี ไม่มีสิทธิเข้ามาในกระบวนการดำเนินการทางวินัยในขั้นตอนใดๆทั้งสิ้น
ในขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสารทางราชการ ผู้เสียหายทำหนังสือถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดและนพ.สสจ.เพื่อขอข้อมูลข่าวสารตามสิทธิในรัฐธรรมนูญมาตรา 41 (1)และพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 มาตรา 9 วรรคสาม ผวจ.และนพ.สสจ.ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร จึงได้อุทธรณ์ต่อประธานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ทำให้ยอมเปิดเผยข้อมูลเพียงบางส่วนและมีการชี้แจงด้วยข้อความอันเป็นเท็จ
สิ่งที่น่าตกใจ คือ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน ไม่ได้ใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา และกล้าที่จะกระทำผิดกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เช่น การรายงานเท็จแต่งตั้งคณะกรรมการซ้ำซ้อน การตีความกฎหมายอย่างไม่ถูกต้องและเป็นธรรม ทั้งที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 83 (1) ห้ามข้าราชการรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา การรายงานโดยปกปิดข้อความซึ่งควรต้องแจ้ง ถือว่าเป็นรายงานเท็จด้วยเช่นกัน
สะท้อนให้เห็นปัญหาการบังคับใช้และตีความกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึงสิทธิตามที่กฎหมายรองรับ
มาดูกันต่อไปว่าผู้เสียหายจะถอดใจหยุดแค่นี้หรือใช้สิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
โปรดกดติดตามเพจ
มาดูกันว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โตแค่ไหน กดอ่านได้ที่
เรื่องเล็กๆ...สู่ปัญหาการใช้และตีความที่ไม่เป็นธรรม บทนำ
ตอนที่ 1 ความคุ้นชินกับการกระทำผิด
ตอนที่ 2 ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือ
ตอนท่ 3 รายงานไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ตอนที่ 4 การแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อน
ตอนที่ 5 การไม่ดำเนินการตามหนังสือคัดค้านและร้องเรียนเพิ่มเติม
ตอนที่ 6 ผู้ว่าราชการจังหวัดตีความว่าผู้ร้องเรียนไม่ใช่คู่กรณี
ตอนที่ 7 การร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงสาธารณสุข
ตอนที่ 8 ผลการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 9 การสอบสวนวินัยรายแรงโดยมิได้ใช้ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของโรงพยาบาล
ตอนที่ 10 ผลที่เกิดขึ้นจากรายงานการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 11 สำนักงานสาธารณสุขให้ความช่วยเหลือนางสอง
ตอนที่ 12 ผลการสอบวินัยกรณีนางสอง
ตอนที่ 13 ปัญหาการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกรณีที่ 1
ตอนที่ 14 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง-ชี้แจงนอกประเด็น กรณีที่ 2
ตอนที่ 15 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งและชี้แจงนอกประเด็น กรณีที่ 3
ตอนที่ 16 บทสรุปขั้นตอนการดำเนินการทางวินัยที่ไม่เป็นธรรม
ตอนที่ 17 ขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสารของทางราชการ
ตอนที่ 18 จังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 19 จังหวัดยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเพียงบางส่วน
ตอนที่ 20 นพ.สสจ.แจ้งต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 21 ผู้เสียหายทำหนังสือโต้แย้งการพิจารณาของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 22 นพ.สสจ.ชี้แจงว่า ผวจ.มิได้ทำดคำสั่งในหนังสือที่ร้องขอทั้ง 4 ฉบับ
ตอนที่ 23 คณะอนุกรรมการมีหนังสือถึงผู้สียหายตามที่จังหวัดชี้แจง
ตอนที่ 24 การตรวจสอบความีอยู่ของข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 25 จังหวัดชี้แจงต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 26 ติดตามผลการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 27 ผลการตรวจสอบความมีอยู่ของข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 28 ขอทราบขั้นตอนการเสนอหนังสือทั้ง 5 ฉบับที่ร้องขอ
ตอนที่ 29 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายใยขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 30 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานสาธารณสุข
ตอนที่ 31 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของจังหวัด
ตอนที่ 32 ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติรการของจังหวัด
ตอนที่ 33 เหตุแห่งการร้องขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 34 การร้องเรียนขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 35 การบังคับใช้กฎหมายในระดับกระทรวง
ตอนที่ 36 ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอนที่ 37 บทวิเคราะห์การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ
ตอนที่ 38 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตอนที่ 39 การฟ้องคดีต่อศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ
โฆษณา