26 พ.ย. 2023 เวลา 01:00 • การเมือง

เรื่องเล็กๆ...สู่ปัญหาการใช้กฎหมายและตีความกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม

คดีนี้ เป็นคดีตัวอย่างหนึ่งที่เกิดจากสาเหตุเล็กๆ หากใช้คำว่า “ขอโทษ” เรื่องสามารถที่ยุติได้อย่างง่ายดาย แต่เรื่องนี้เกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐคุ้นชินกับการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายจนเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดจากการกระทำของตนเอง เมื่อผู้เสียหายทราบความจริงว่าว่าเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่หลอกลวง เรียก-รับเงิน จึงขอเงินคืน ซึ่งหากคืนเงินและขอโทษกันดีๆ ปัญหาคงยุติได้ แต่ความอยากเอาชนะของเจ้าหน้าที่ที่มองประชาชนต่ำต้อยด้อยค่า จนทำให้เรื่องบานปลายกระเทือนต่อหลายตำแหน่ง
1
ผู้กระทำผิดคืนเงินให้ผู้เสียหายอย่างไม่เต็มใจ พูดจาดูถูกเหยียดหยามผู้เสียหาย และเพื่อนของผู้เสียหายซึ่งเป็นข้าราชการด้วยกัน ได้ใส่ความผู้เสียหายด้วยข้อความอันเป็นเท็จจนมีการแจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่ได้ไปดึงนายตำรวจระดับนายพลโทรมาให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ จนไม่มีการดำเนินการใดๆ จนเพื่อนในรุ่นพากันเข้าใจผิดและออกมาโพสต์ด่าผู้เสียหายใน Facebook และเตรียมฟ้องผู้เสียหายฐานหมิ่นประมาท ก่อให้เกิดเรื่องราวที่บานปลายจนถึงการฟ้องคดี
ข้อความที่มีการให่ร้าย ใส่ความผู้เสียหายในแอพพลิเคชั่น Facebook และ Line กลุ่ม
ผู้เสียหายได้เรียกร้องความเป็นธรรมจากหลายหน่วยงาน แต่ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิในการเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐและได้รับแจ้งผลการพิจารณาโดยรวดเร็ว และสิทธิในการได้รับทราบข้อมูลข่าวสารตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 41 (1) และ(2) กำหนดไว้ และพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานรัฐมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 53
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เรื่องที่กำลังจะนำเสนอนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ถูกต้อง มีการชี้แจงและรายงานเท็จ ใช้กฎหมายและตีความกฎหมายตามอำเภอใจเพื่อให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกันเอง สะท้อนให้เห็นถึงระบบการทำงานของหน่วยงานรัฐที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย และขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐ โดยเทียบเคียงคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ได้เห็นชัดเจน
ตลอดเวลากว่า ๔ ปี ผู้เสียหายยังคงได้รับความเสียหายจากการเรียกร้องความเป็นธรรมจนถึงกระบวนการของศาล โชคดีของผู้เสียหายที่มีเพื่อนให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย ทำให้ได้เห็นการใช้อำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรมในแต่ละขั้นตอน ดังนี้
(1) ขั้นตอนของการดำเนินการทางวินัย พบความผิดปกติในการใช้และตีความกฎหมายดังจะได้กล่าวในบทความต่อไป ใช้เวลานานถึง ๑ ปี ๒ เดือน ทั้งที่ รัฐธรรมนูญฯ มาตรา ๔๑ (๒) รับรองสิทธิของประชาชนที่จะเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐและได้รับแจ้งผลการพิจารณาโดยรวดเร็ว
(2) ขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสารของทางราชการ โดยหน่วยงานรัฐไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครอง ทั้งที่ ผู้เสียหายได้ทำหนังสือติดตามเรื่องและร้องเรียนต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการมาโดยตลอด ใช้เวลาถึง 11 เดือน 20 วัน ซึ่งมิได้รับข้อมูลข่าวสารตามที่ต้องการ ขัดต้อรัฐธรรมนูญฯมาตรา 41 (1) และมาตรา 59 ซึ่งกำหนดหน้าที่รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารในครอบครองของหน่วยงานของรัฐและต้องจัดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารดังกล่าวได้โดยสะดวก
(3) ขั้นตอนการฟ้องคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล พบว่าหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้นำเรื่องขึ้นมาดำเนินการ ทั้งที่ เพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆมากว่า ๓ ปี เมื่อดึงคดีออกจากศาลไม่ได้ อัยการซึ่งเป็นทนายของแผ่นดิน (เป็นโจทก์) รับหน้าที่เข้ามาเป็นทนายแก้ต่างให้จำเลยเพื่อปกป้องผู้กระทำความผิด ทั้งที่ผู้เสียหายได้ทำหนังสือคัดค้านพร้อมหลักฐานการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่สุจริตของจำเลยทั้งหมด
กระบวนการเรียกร้องความเป็นธรรมและการต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อเข้าถึงความยุติธรรมของประชาชน มิได้เป็นไปตามตัวบทกฎหมายที่เขียนไว้ ผู้เขียน เห็นว่าเรื่องนี้นับเป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการใช้กฎหมายและการตีความกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานรัฐ จึงอยากแชร์ประสบการณ์เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รู้เท่าทันการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ และต้องการระดมความคิดเห็นเพื่อขับเคลื่อนสังคมให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เท่าเทียม และเป็นธรรม เพื่อความสงบสุข จึงขอนำเสนอบทความออกเป็นหลายตอน ดังจะกล่าวต่อไป
โปรดกดติตามเพจ
เรื่องเล็กๆ...สู่ปัญหาการใช้และตีความที่ไม่เป็นธรรม บทนำ
ตอนที่ 1 ความคุ้นชินกับการกระทำผิด
ตอนที่ 2 ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือ
ตอนท่ 3 รายงานไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ตอนที่ 4 การแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อน
ตอนที่ 5 การไม่ดำเนินการตามหนังสือคัดค้านและร้องเรียนเพิ่มเติม
ตอนที่ 6 ผู้ว่าราชการจังหวัดตีความว่าผู้ร้องเรียนไม่ใช่คู่กรณี
ตอนที่ 7 การร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงสาธารณสุข
ตอนที่ 8 ผลการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 9 การสอบสวนวินัยรายแรงโดยมิได้ใช้ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของโรงพยาบาล
ตอนที่ 10 ผลที่เกิดขึ้นจากรายงานการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 11 สำนักงานสาธารณสุขให้ความช่วยเหลือนางสอง
ตอนที่ 12 ผลการสอบวินัยกรณีนางสอง
ตอนที่ 13 ปัญหาการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกรณีที่ 1
ตอนที่ 14 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง-ชี้แจงนอกประเด็น กรณีที่ 2
ตอนที่ 15 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งและชี้แจงนอกประเด็น กรณีที่ 3
ตอนที่ 16 บทสรุปขั้นตอนการดำเนินการทางวินัยที่ไม่เป็นธรรม
ตอนที่ 17 ขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสารของทางราชการ
ตอนที่ 18 จังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 19 จังหวัดยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเพียงบางส่วน
ตอนที่ 20 นพ.สสจ.แจ้งต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 21 ผู้เสียหายทำหนังสือโต้แย้งการพิจารณาของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 22 นพ.สสจ.ชี้แจงว่า ผวจ.มิได้ทำดคำสั่งในหนังสือที่ร้องขอทั้ง 4 ฉบับ
ตอนที่ 23 คณะอนุกรรมการมีหนังสือถึงผู้สียหายตามที่จังหวัดชี้แจง
ตอนที่ 24 การตรวจสอบความีอยู่ของข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 25 จังหวัดชี้แจงต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 26 ติดตามผลการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 27 ผลการตรวจสอบความมีอยู่ของข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 28 ขอทราบขั้นตอนการเสนอหนังสือทั้ง 5 ฉบับที่ร้องขอ
ตอนที่ 29 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายใยขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 30 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานสาธารณสุข
ตอนที่ 31 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของจังหวัด
ตอนที่ 32 ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติรการของจังหวัด
ตอนที่ 33 เหตุแห่งการร้องขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 34 การร้องเรียนขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 35 การบังคับใช้กฎหมายในระดับกระทรวง
ตอนที่ 36 ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอนที่ 37 บทวิเคราะห์การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ
ตอนที่ 38 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตอนที่ 39 การฟ้องคดีต่อศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ
โฆษณา