4 ม.ค. 2024 เวลา 10:39 • ข่าว

ตอนที่ 38 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

เมื่อทางเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติและผู้บริหาร ได้แก่ ผวจ. ปลัดกระทรวงทั้งสองกระทรวง หรือ รัฐมนตรีประจำกระทรวง เพิกเฉยไม่ให้ความเป็นธรรมกับเรื่องร้องเรียนของผู้เสียหาย ทั้งที่เอกสารทางราชการเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีการรายงานเท็จ การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การลงนามรับรองข้อความอันเป็นเท็จในเอกสาร และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม และเข้าถึงไม่สิทธิในการเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐเพิ่มเติม
และได้รับแจ้งผลการพิจารณาโดยรวดเร็วและสิทธิในการได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในความครอบครองของหน่วยงานรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ ตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 41 (1) และ(2) ทั้งที่ ผู้เสียหายได้ทำหนังสือและใช้กฎหมายในการเรียกร้องหาความเป็นธรรมตามขั้นตอนมาโดยตลอด ผู้เสียหายจึงได้ทำยื่นฟ้องคดีค่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและ ประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 โดยมีหลักของการจัดตั้งศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงมีด้วยกัน 3 ประการคือ (1) การดำเนินคดีต้องรวดเร็ว (2) การดำนินคดีต้องเป็นธรรม (3) การดำาเนินคดีต้องมีความเสมอภาค ทั้ง 3 ประการต้องคงไว้เสมอ
วิธีพิจารณาพิพากษาคดี
วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ จะใช้ระบบไต่สวนในการพิจารณาพิพากษาคดีศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบจะนํารายงานและสํานวนการสอบสวนหรือสํานวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของโจทก์ มาเป็นหลักในการแสวงหาความจริง แต่ไม่ผูกพันศาลว่าจะต้องฟังข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้น ศาลมีอำนาจแสวงหา ข้อเท็จจริงจากพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ หรือพยานหลักฐานอื่นใดนอกเหนือจากพยานหลักฐาน ที่คู่ความอ้างอิงได้ตามที่ศาลเห็นสมควร
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบจะมีเพียง 2 ศาล คือ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เว้นแต่เป็นคดีสำคัญเป็นคดีๆ ไป เรียกว่า ระบบฎีกาเป็นระบบอนุญาต ไม่ใช่ระบบสิทธิอีกต่อไป คดีจะสิ้นสุดที่ศาลอุทธรณ์แต่หากคู่ความประสงค์จะยื่นฎีกาก็ต้องได้รับอนุญาตจาก ผู้พิพากษาศาลฎีกาก่อน จึงจะยื่นฎีกาได้และใช้วิธีค้นหาความจริงตามพยานหลักฐานทั้งหมด โดยจะยึดเอาสํานวนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในภาครัฐเป็นหลัก
1
ในลักษณะเดียวกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบก็ไม่ตัดสิทธิในการฟ้องคดีเองของประชาชน โดยมีการไต่สวน มูลฟ้องเช่นเดียวกันกับคดีอาญาทั่วไป [1]
โดยคดีอาญาที่ฟ้องให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น หรือความผิดอื่นอันเนื่องมาจากการประพฤติมิชอบในฐานะตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน หรือผู้สมคบ ถือเป็นคดีทุจริตและประพฤติมิชอบตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติจัดจั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 เช่นกัน
ในยุคที่ข้าราชการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย บังคับใช้กฎหมายและตีความกฎหมายอย่างไม่ถูกต้อง และไม่ชอบธรรม แม้ว่าประเทศไทยจะมีหลายหน่วยงานและหลายองค์กรอิสระที่เข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในการเข้าถึงความเป็นธรรม แต่ตัวอย่างที่ผู้เขียนได้นำมาถ่ายถอดทั้ง 37 ตอนที่ผ่านมา มีเพียงผู้อำนวยการโรงพยาบาลและคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติและขั้นตอนของกฎหมายนับว่าศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมจากการใช้อำนาจโดยมิชอบของประชาชน
แม้ว่าเรื่องจะเข้าสู่กระบวนพิจารณาของศาล ก็ใช่ว่าจะไม่ถูกแทรกแซงจากหน่วยงานอื่นๆ มาดูกันต่อไปว่า ประชาขนตัวเล็กๆอย่างพวกเราจะเข้าถึงความเป็นธรรมได้หรือไม่
อ้างอิง
[1] พิธุวรรณ กิติคุณ.ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกับการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ชองรัฐ Online Available : 4 มกราคม 2566 https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parliament_parcy/ewt_dl_link.php?nid=44905
1
โปรดกดติดตามเพจ
มาดูกันว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โตแค่ไหน กดอ่านได้ที่
เรื่องเล็กๆ...สู่ปัญหาการใช้และตีความที่ไม่เป็นธรรม บทนำ
ตอนที่ 1 ความคุ้นชินกับการกระทำผิด
ตอนที่ 2 ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือ
ตอนท่ 3 รายงานไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ตอนที่ 4 การแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อน
ตอนที่ 5 การไม่ดำเนินการตามหนังสือคัดค้านและร้องเรียนเพิ่มเติม
ตอนที่ 6 ผู้ว่าราชการจังหวัดตีความว่าผู้ร้องเรียนไม่ใช่คู่กรณี
ตอนที่ 7 การร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงสาธารณสุข
ตอนที่ 8 ผลการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 9 การสอบสวนวินัยรายแรงโดยมิได้ใช้ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของโรงพยาบาล
ตอนที่ 10 ผลที่เกิดขึ้นจากรายงานการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 11 สำนักงานสาธารณสุขให้ความช่วยเหลือนางสอง
ตอนที่ 12 ผลการสอบวินัยกรณีนางสอง
ตอนที่ 13 ปัญหาการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกรณีที่ 1
ตอนที่ 14 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง-ชี้แจงนอกประเด็น กรณีที่ 2
ตอนที่ 15 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งและชี้แจงนอกประเด็น กรณีที่ 3
ตอนที่ 16 บทสรุปขั้นตอนการดำเนินการทางวินัยที่ไม่เป็นธรรม
ตอนที่ 17 ขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสารของทางราชการ
ตอนที่ 18 จังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 19 จังหวัดยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเพียงบางส่วน
ตอนที่ 20 นพ.สสจ.แจ้งต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 21 ผู้เสียหายทำหนังสือโต้แย้งการพิจารณาของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 22 นพ.สสจ.ชี้แจงว่า ผวจ.มิได้ทำดคำสั่งในหนังสือที่ร้องขอทั้ง 4 ฉบับ
ตอนที่ 23 คณะอนุกรรมการมีหนังสือถึงผู้สียหายตามที่จังหวัดชี้แจง
ตอนที่ 24 การตรวจสอบความีอยู่ของข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 25 จังหวัดชี้แจงต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 26 ติดตามผลการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 27 ผลการตรวจสอบความมีอยู่ของข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 28 ขอทราบขั้นตอนการเสนอหนังสือทั้ง 5 ฉบับที่ร้องขอ
ตอนที่ 29 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายใยขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 30 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานสาธารณสุข
ตอนที่ 31 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของจังหวัด
ตอนที่ 32 ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติรการของจังหวัด
ตอนที่ 33 เหตุแห่งการร้องขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 34 การร้องเรียนขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 35 การบังคับใช้กฎหมายในระดับกระทรวง
ตอนที่ 36 ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอนที่ 37 บทวิเคราะห์การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ
ตอนที่ 38 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตอนที่ 39 การฟ้องคดีต่อศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ
โฆษณา