9 ม.ค. 2024 เวลา 08:36 • ข่าว

ตอนที่ 43 อัยการเข้ามาเป็นทนายแก้ต่างให้กับจำเลยทั้ง 9 คน

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 ผู้เสียหายนำเอกสารหลักฐานไปยื่นต่อเจ้าพนักงานคดีที่ศาล จึงทราบว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 9 ได้แต่งตั้งให้ พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาคมาเป็นทนายแก้ต่างคดี ผู้เสียหายจึงทำหนังสือ ลว.21 ก.ค.66 ถึงท่านอัยการสูงสุดพร้อมหลักฐานเอกสารแสดงว่าจำเลยที่ 1-ที่ 9 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่สุจริต เพื่อขอให้ถอดถอนพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค ออกจากการเป็นทนายแก้ต่างให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 9 ในคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค ๑ คดีหมายเลขดำที่ ๖๕ / ๒๕๖๕
หนังสือผู้เสียหายมีถึงอัยการสูงสุด ลว.21 ก.ค.66
เหตุผลในการคัดค้าน เนื่องจากแต่งตั้งให้ พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค ๑ มาเป็นทนายแก้ต่างจำเลยที่ 1-ที่ 9
(1) ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 27 เนื่องจากข้าราชการกระทำความผิดอาญาต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ (หลักฐานตามเอกสารราชการมีความชัดเจนว่าไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต) สามารถขออัยการเข้ามาเป็นทนายแก้ต่างได้ แต่ประชาชนซึ่งเป็นผู้กระทำผิด ยากจน ไม่สามารถขออัยการมาเป็นทนายแก้ต่างให้ได้
อีกทั้งเมื่อประชาชนเข้ามาเป็นโจทก์ฟ้องคดีเอาผิดข้าราชการ พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต กลายมาเป็นทนายความปกป้องผู้กระทำความผิดในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
(2) ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ในการดำเนินคดีอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มีวัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบให้ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ได้รับการพิจารณาพิพากษาอย่างเสมอภาค รวดเร็ว และเป็นธรรม ซึ่งได้กำหนดบัญญัติหน้าที่ของอัยการในฐานะเป็นโจทก์เท่านั้น มิได้กล่าวถึงการเป็นทนายแก้ต่างให้จำเลยแต่อย่างใด
แต่ในคดีของดิฉันซึ่งราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องเอง เนื่องจาก ไม่มีเงินจ้างทนายความเก่งๆเข้ามาดำเนินคดีแทน แต่เมื่อศาลมีคำสั่งรับฟ้องในชั้นตรวจคำฟ้อง อัยการซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญกฎหมายกลับเป็นทนายแก้ต่างให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 9 ที่มีมูลว่าจะปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและมิชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงความเป็นธรรม
(3) ขัดต่อระเบียบสำนักอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.๒๕๔๗ ข้อ ๒๑๑ (หลักการในการแก้ต่างคดีอาญา) ซึ่งกำหนดไวว้า การใช้ดุลพินิจในการรับแก้ต่างคดีอาญาให้แก่หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องเป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน คุ้มครองสิทธิเสรีภาพชองบุคคลที่ได้กระทำไปตามหน้าที่หรือได้กระทำตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายด้วยความสุจริต และต้องคำนึงถึงการให้ความเป็นธรรมแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งด้วย แต่ต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ
แต่อัยการกลับมาปกป้อง แก้ต่างผู้ที่ถูกกล่าวหาและศาลเห็นว่าในชั้นตรวจคำฟ้องจำเลยที่ 1 ถึง ที่ 10 มีมูลที่จะรับฟ้อง ดูจะไม่เป็นธรรมกับประชาชนที่ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญกฎหมายแต่อย่างใด เท่ากับทนายของรัฐเข้ามาปกป้องผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำซึ่งศาลเห็นว่ามีหลักฐานเพียงพอแก่การรับฟ้อง ด้วยความเคารพ น่าจะขัดกับภารกิจและบทบาทของอัยการระเบียบสำนักอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ข้อ 5 ในการเป็นตัวแทนของแผ่นดินในการตรวจสอบและค้นหาความจริงในคดีอาญา การควบคุมการดำเนินคดีอาญาของรัฐ
เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนและเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพราะหากข้าราชการประพฤติมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ย่อมส่งผลกระทบต่อสังคม
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้ง่ายอย่างที่ตัวหนังสือกำหนดไว้ในกฎหมายแต่อย่างใด กฎหมายมิได้เอื้อประโยชน์ให้ประชาชนเข้าถึงความเป็นธรรมแต่อย่างใด คนยากจน คนไม่มีความรู้ความเข้าใจกฎหมาย และไม่เข้าใจระบบงานราชการ ตามไม่ทันการปฏิบัติงานที่ไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่ ย่อมมีโอกาสที่จะเข้าไม่ถึงสิทธิต่างๆได้ เช่นเดียวกับผู้เสียหายที่ตลอดเส้นทางในการร้องขอความเป็นธรรม ดูจะไม่มีหน่วยงานงานใดปฏิบัติตามกฎหมายและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
กฎหมายจะถูกบังคับใช้อย่างเคร่งครัดกับประชาชนที่ยากจน ไม่มีความรู้ และด้อยสิทธิ
โปรดกดติดตามเพจ
มาดูกันว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โตแค่ไหน กดอ่านได้ที่
เรื่องเล็กๆ...สู่ปัญหาการใช้และตีความที่ไม่เป็นธรรม บทนำ
ตอนที่ 1 ความคุ้นชินกับการกระทำผิด
ตอนที่ 2 ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือ
ตอนท่ 3 รายงานไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ตอนที่ 4 การแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อน
ตอนที่ 5 การไม่ดำเนินการตามหนังสือคัดค้านและร้องเรียนเพิ่มเติม
ตอนที่ 6 ผู้ว่าราชการจังหวัดตีความว่าผู้ร้องเรียนไม่ใช่คู่กรณี
ตอนที่ 7 การร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงสาธารณสุข
ตอนที่ 8 ผลการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 9 การสอบสวนวินัยรายแรงโดยมิได้ใช้ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของโรงพยาบาล
ตอนที่ 10 ผลที่เกิดขึ้นจากรายงานการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 11 สำนักงานสาธารณสุขให้ความช่วยเหลือนางสอง
ตอนที่ 12 ผลการสอบวินัยกรณีนางสอง
ตอนที่ 13 ปัญหาการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกรณีที่ 1
ตอนที่ 14 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง-ชี้แจงนอกประเด็น กรณีที่ 2
ตอนที่ 15 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งและชี้แจงนอกประเด็น กรณีที่ 3
ตอนที่ 16 บทสรุปขั้นตอนการดำเนินการทางวินัยที่ไม่เป็นธรรม
ตอนที่ 17 ขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสารของทางราชการ
ตอนที่ 18 จังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 19 จังหวัดยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเพียงบางส่วน
ตอนที่ 20 นพ.สสจ.แจ้งต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 21 ผู้เสียหายทำหนังสือโต้แย้งการพิจารณาของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 22 นพ.สสจ.ชี้แจงว่า ผวจ.มิได้ทำดคำสั่งในหนังสือที่ร้องขอทั้ง 4 ฉบับ
ตอนที่ 23 คณะอนุกรรมการมีหนังสือถึงผู้สียหายตามที่จังหวัดชี้แจง
ตอนที่ 24 การตรวจสอบความีอยู่ของข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 25 จังหวัดชี้แจงต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 26 ติดตามผลการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 27 ผลการตรวจสอบความมีอยู่ของข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 28 ขอทราบขั้นตอนการเสนอหนังสือทั้ง 5 ฉบับที่ร้องขอ
ตอนที่ 29 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายใยขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 30 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานสาธารณสุข
ตอนที่ 31 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของจังหวัด
ตอนที่ 32 ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติรการของจังหวัด
ตอนที่ 33 เหตุแห่งการร้องขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 34 การร้องเรียนขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 35 การบังคับใช้กฎหมายในระดับกระทรวง
ตอนที่ 36 ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอนที่ 37 บทวิเคราะห์การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ
ตอนที่ 38 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตอนที่ 39 การฟ้องคดีต่อศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตอนที่ 40 ผลของการออกหนังสือด่วนที่สุดเพื่อไต่สวนเรื่องร้องเรียนของผู้เสียหาย
ตอนที่ 41 ผู้เสียหายทำหนังสือขอถอนเรื่องร้องเรียนจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ตอนที่ 42 บทวิเคราะห์การดำเนินเรื่องร้องเรียนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ตอนที่ 43 อัยการเข้ามาเป็นทนายแก้ต่างให้กับจำเลยทั้ง 9 คน
ตอนที่ 44 การทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดเพื่อติดตามเรื่อง
ตอนที่ 45 เหตุผลของอัยการในการรับเป็นทนายแก้ต่างให้จำเลย
ตอนที่ 46 ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตอนที่ 47 เหตุที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.หยิบเรื่องผู้เสียหายขึ้นมาดำเนินการด่วนที่สุด
ตอนที่ 48 จำเลยที่ 9 ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช.
ตอนที่ 49 ความไม่ชอบด้วยกฎหมายจากใบสมัครของจำเลยที่ 9
ตอนที่ 50 การตรวจสอบความประพฤติและจริยธรรมของหน่วยงานรัฐ
โฆษณา