11 ม.ค. 2024 เวลา 11:11 • ข่าว

ตอนที่ 45 เหตุผลของอัยการในการรับเป็นทนายแก้ต่างให้จำเลย

อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครองนครสวรรค์ รักษาการในตำแหน่งอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ลงนามในหนังสือ ลว.14 ก.ย.2566 แจ้งว่า “การที่สั่งการให้รับแก้ต่างให้กับจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 9 โดยแต่งตั้งอัยการอาวุโส สำนักงานปราบปรามการทุจริตภาค เป็นทนายแก้ต่างให้นั้น เป็นการสั่งการที่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ตามพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 มาตรา 4 ,14(4) ตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีของพนักงานอัยการในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ 2563 ข้อ 218
และระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีของพนักงานอัยการในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2562 ข้อ 9,21”
หนังสือชี้แจงจากอธิบดีสำนักคดีปราบปรามการทุจริต ลว.14 ก.ย.2566
โดยยพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 มาตรา 4 เป็นการให้นิยามความหมายทั่วไป สำหรับมาตรา 14(4) เป็นการกล่าวถึงอำนาจหน้าที่ของอัยการที่เห็นสมควรรับแก้ต่างในคดีอาญาเรื่องการที่ได้กระทำตามคําสั่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งได้สั่งการโดยชอบด้วยกฎหมายหรือเข้าร่วมหรือช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งกระทำการในหน้าที่ราชการ
โดยระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีของพนักงานอัยการในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ 2563 ข้อ 218 ได้กล่าวถึงหลักการในการแก้ต่างคดีอาญาไว้สอดคล้องกับระเบียบสำนักอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ข้อ 211 หลักการในการแก้ต่างคดีอาญาได้กำหนดหลักการแก้ต่างคดีอาญา ว่า
(1) เพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน
(2) คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคลที่ได้กระทำไปตามหน้าที่หรือได้กระทำตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายด้วยความสุจริต และ
(3) คำนึงถึงการให้ความเป็นธรรมแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งด้วย
(4) ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการดำเนินคดีของพนักงานอัยการ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ด้วยความเคารพ คดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบมีคำสั่งรับฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง แสดงให้เห็นว่ามีพยานหลักฐานพอเชื่อได้ว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริตหรือละเว้นการปฏิบัติตามคำสั่งโดยมิชอบ ประกอบกับคดีนี้ผู้เสียหายดำเนินการยื่นคำฟ้องด้วยตนเอง มิได้ใช้ทนายความแต่อย่างใด แต่เมื่อศาลรับฟ้องกลับต้องมาต่อสู้คดีกับอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตภาคที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญพิเศษเกี่ยวกับคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ อันก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในการต่อสู้คดีแต่อย่างใด
ผู้เสียหายหรือโจทก์ได้ทำหนังสือร้องเรียนมาตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี ผู้เสียหายยังไม่สามารถเข้าถึงความเป็นธรรมในการถูกละเมิดสิทธิอันชอบธรรมในการเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐและได้รับแจ้งผลการพิจารณาโดยรวดเร็ว และสิทธิในการได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในความครอบครองของหน่วยงานรัฐตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 41 (1) และ(2) เนื่องจาก ต้องเผชิญกับปัญหาการปฏิบัติหน้าที่โดยที่มิชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ
ดังนั้น การรับแก้ต่างของอัยการในคดีนี้มิได้เป็นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 ซึ่งได้กระทำไปตามหน้าที่หรือได้กระทำโดยชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด
อีกทั้ง ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีของพนักงานอัยการในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ 2563 ข้อ 222 กำหนด ห้ามมิให้พนักงานอัยการรับแก้ต่างคดีอาญาให้กับหน่วยงาน ของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องคดีอาญาแล้ว
กรณีนี้ ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบมีคำสั่งรับคำฟ้องไว้ไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พนักงานอัยการ ไม่ควรมารับแก้ต่างในคดีอาญา เพราะจะทำให้ข้าราชการไม่เกรงกลัวในการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพราะในที่สุดอัยการทีมีความรู้ความเชี่ยวชาญคดีทุจริตและประพฤติมิชอบจะเข้ามาเป็นทนายว่าคดีแก้ต่างให้ ซึ่งมิได้เป็นการป้องปรามมิให้กระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบ แต่เป็นการส่งเสริมให้มีการทุจริตมากยิ่งขึ้น ขัดต่อรัฐํธรรมนูญฯมาตรา 63 อันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่รัฐแต่อย่างใด
ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีของพนักงานอัยการในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2562 ข้อ 9 กำหนดให้นำระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการมาใช้ ข้อ 21 กำหนดขั้นตอนเสนอความเห็น กรณีมีความเห็นควรรับแก้ต่างให้อัยการพิเศษฝ่ายเป็นผู้พิจารณาสั่งรับแก้ต่างและการเห็นควรไม่รับแก้ต่าง
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ในที่สุด เมื่อถึงวันไต่สวนมูลฟ้อง อัยการเข้าแก้ต่างให้จำเลยที่ 1 ถึง 9 และอัยการของสำนักงานอัยการสูงสุดเข้าแก้ต่างให้จำเลยที่ 10
โปรดกดติดตามเพจ
มาดูกันว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โตแค่ไหน กดอ่านได้ที่
เรื่องเล็กๆ...สู่ปัญหาการใช้และตีความที่ไม่เป็นธรรม บทนำ
ตอนที่ 1 ความคุ้นชินกับการกระทำผิด
ตอนที่ 2 ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือ
ตอนท่ 3 รายงานไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ตอนที่ 4 การแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อน
ตอนที่ 5 การไม่ดำเนินการตามหนังสือคัดค้านและร้องเรียนเพิ่มเติม
ตอนที่ 6 ผู้ว่าราชการจังหวัดตีความว่าผู้ร้องเรียนไม่ใช่คู่กรณี
ตอนที่ 7 การร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงสาธารณสุข
ตอนที่ 8 ผลการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 9 การสอบสวนวินัยรายแรงโดยมิได้ใช้ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของโรงพยาบาล
ตอนที่ 10 ผลที่เกิดขึ้นจากรายงานการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 11 สำนักงานสาธารณสุขให้ความช่วยเหลือนางสอง
ตอนที่ 12 ผลการสอบวินัยกรณีนางสอง
ตอนที่ 13 ปัญหาการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกรณีที่ 1
ตอนที่ 14 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง-ชี้แจงนอกประเด็น กรณีที่ 2
ตอนที่ 15 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งและชี้แจงนอกประเด็น กรณีที่ 3
ตอนที่ 16 บทสรุปขั้นตอนการดำเนินการทางวินัยที่ไม่เป็นธรรม
ตอนที่ 17 ขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสารของทางราชการ
ตอนที่ 18 จังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 19 จังหวัดยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเพียงบางส่วน
ตอนที่ 20 นพ.สสจ.แจ้งต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 21 ผู้เสียหายทำหนังสือโต้แย้งการพิจารณาของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 22 นพ.สสจ.ชี้แจงว่า ผวจ.มิได้ทำดคำสั่งในหนังสือที่ร้องขอทั้ง 4 ฉบับ
ตอนที่ 23 คณะอนุกรรมการมีหนังสือถึงผู้สียหายตามที่จังหวัดชี้แจง
ตอนที่ 24 การตรวจสอบความีอยู่ของข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 25 จังหวัดชี้แจงต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 26 ติดตามผลการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 27 ผลการตรวจสอบความมีอยู่ของข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 28 ขอทราบขั้นตอนการเสนอหนังสือทั้ง 5 ฉบับที่ร้องขอ
ตอนที่ 29 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายใยขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 30 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานสาธารณสุข
ตอนที่ 31 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของจังหวัด
ตอนที่ 32 ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติรการของจังหวัด
ตอนที่ 33 เหตุแห่งการร้องขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 34 การร้องเรียนขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 35 การบังคับใช้กฎหมายในระดับกระทรวง
ตอนที่ 36 ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอนที่ 37 บทวิเคราะห์การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ
ตอนที่ 38 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตอนที่ 39 การฟ้องคดีต่อศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตอนที่ 40 ผลของการออกหนังสือด่วนที่สุดเพื่อไต่สวนเรื่องร้องเรียนของผู้เสียหาย
ตอนที่ 41 ผู้เสียหายทำหนังสือขอถอนเรื่องร้องเรียนจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ตอนที่ 42 บทวิเคราะห์การดำเนินเรื่องร้องเรียนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ตอนที่ 43 อัยการเข้ามาเป็นทนายแก้ต่างให้กับจำเลยทั้ง 9 คน
ตอนที่ 44 การทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดเพื่อติดตามเรื่อง
ตอนที่ 45 เหตุผลของอัยการในการรับเป็นทนายแก้ต่างให้จำเลย
ตอนที่ 46 ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตอนที่ 47 เหตุที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.หยิบเรื่องผู้เสียหายขึ้นมาดำเนินการด่วนที่สุด
ตอนที่ 48 จำเลยที่ 9 ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช.
ตอนที่ 49 ความไม่ชอบด้วยกฎหมายจากใบสมัครของจำเลยที่ 9
ตอนที่ 50 การตรวจสอบความประพฤติและจริยธรรมของหน่วยงานรัฐ
โฆษณา