12 ม.ค. 2024 เวลา 09:10 • การเมือง

ตอนที่ 46 ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

เส้นทางการเข้าถึงความเป็นธรรมของผู้เสียหายมิได้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ทั้งที่ ติดตามเรื่องเป็นหนังสือมาโดยตลอด ผู้เสียหายมีโอกาสมากกว่าผู้อื่นที่มีเพื่อนช่วยในเรื่องข้อกฎหมาย หากเป็นประชาชนทีมีฐานะยากจน ไม่สามารถจ้างทนายความ ผู้ไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย ยากแก่การเข้าถึงความเป็นธรรม
(1) ขั้นตอนของการดำเนินการทางวินัย ซึ่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 90 มาตรา 91 และมาตรา 93 และกฎ ก.พ.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ.2556 ข้อ 5 ข้อ 6 และข้อ 15 กำหนดขั้นตอนกระบวนการดำเนินการทางวินัยไว้ชัดเจน แต่ผู้เสียหายต้องเผชิญกับความล่าช้าในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ การรายงานที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และละเว้นหน้าที่ในการยับยั้งการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย
การตีความทางกฎหมายของ ผวจ.ที่แจ้งว่า ผู้เสียหายมิใช่คู่กรณี เพื่อตัดสิทธิในการเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐเพิ่มเติมและได้รับแจ้งผลการพิจารณาโดยรวดเร็ว ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชการอาณ่จักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 41(2) และสิทธิในการติดตามและเร่งรัดให้ดำเนินการเพื่อให้หน่วยงานรัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฯมาตรา 51 และมาตรา 53
กฎหมายที่เกี่ยวข้่อง
(2) ขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 59 และพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ตาม มาตรา 9 (1) คือ ผลการพิจารณาหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้งความเห็นแย้งและคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาวินิจฉัยดังกล่าว
แต่เมื่อกระบวนการดำเนินการทางวินัยเสร็จสิ้นแล้ว ผู้เสียหายทำหนังสือถึง ผวจ.และนพ.สสจ. ลว.8 ม.ค.64 เพื่อขอข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองของจังหวัดและ สสจ. แต่ปรากฏว่า จังหวัดส่งเรื่องให้ นพ.สสจ.ปฏิบัติราชการแทน โดยไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามที่ร้องขอและมีหนังสือชี้แจงไม่ตรงประเด็น ผู้เสียหายจึงร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ทำให้ นพ.สสจ.ยอมเปิดเผยข้อมูลที่ร้องของบางส่วน และไม่ยอมเปิดเผยหนังสือที่ผู้สียหายมีถึง ผวจ.
อีกทั้ง ตอบหนังสือชี้แจงผู้สียหายไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และนำไปใช้กล่าวอ้างกับคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งทำหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
สุดท้าย ผู้เสียหายมิได้รับข้อมูลข่าวสารตามที่ต้องการ ทำให้เข้าไม่ถึงสิทธิตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 41 (1) แต่ได้รับหนังสือยืนยันจากหัวหน้าสำนักงานจังหวัดว่า หนังสือถึง ผวจ. จังหวัดลงทะเบียนรับและส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
สอดคล้องกับหนังสือ นพ.สสจ.ชี้แจงคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯว่า จังหวัดส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติราชการเทนตามคำสั่งจังหวัดที่ 3113/2561 เรื่องการมอบอำนาจของ ผวจ. ข้อ 7 ทั้งที่ หนังสือที่ร้องขอทั้ง 4 ฉบับเป็นการคัดค้านคำสั่ง ผวจ.ที่แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนซ้ำซ้อนในกระบวนการดำเนินการทางวินัยซึ่งเป็นเรื่องบริหารงานบุคคล อันเป็นอำนาจหน้าที่ที่สงวนไว้เป็นการเฉพาะของ ผวจ. ตาม คำสั่งจังหวัดที่ 3113/2561 ข้อ 2.3 และข้อ 6.4 จึงมีการมอบหมายให้รอง ผวจ.ปฏิบัติราชการเทน
คำสั่งจังหวัดที่ 3113/2562 เรื่องการมอบอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด
(3) ขั้นตอนการฟ้องคดีในศาล สำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งเพิกเฉย ไม่ดำเนินการใดๆกับหนังสือร้องเรียนของผู้เสียหายมากว่า 3 ปี ได้ออกหนังสือด่วนที่สุดในวันเดียวกับที่ศาลมีคำสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 10 ไว้พิจารณา เพื่อเรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไปสอบปากคำ แต่เนื่องจากเพื่อนของผู้เสียหายเข้าใจกฎหมายจึงทำหนังสือถอนเรื่องร้องเรียนจากสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อประสงค์จะศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพิจารณาคดีต่อไป
เมื่อไม่สามารถดึงเรื่องเข้าไปอยู้่ในอำนาจของ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ๆได้ จึงมีการแต่งตั้งพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต เข้ามาเป็นทนายแก้ต่างให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 9 และอัยการสูงสุด มีคำสั่งรับคดีแก้ต่างให้จำเลยที่ 10 และมอบหมายให้อัยการจำนวน 4 คนไปดำเนินคดีเฉพาะเรื่องในคดีนี้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
เอกสารแสดงการรับแก้ต่างเป็นทนายให้จำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 10
อีกทั้ง นับแต่เริ่มยื่นคำฟ้อง เจ้าหน้าที่ศาลจะกล่าวกับผู้เสียหานเสมอว่าศาลคงไม่รับฟ้อง และการลงชื่อฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับใหญ่แบบนี้ระวังจะถูกฟ้องกลับ โดยเพื่อนผู้เสียหายที่ช่วยเขียนคำฟ้องมิได้ลงลายมือชื่อ ย่อมไม่ผิด อีกทั้งพูดจา ดูถูก เหยียดหยามเพื่อนของผู้เสียหายว่าเขียนคำฟ้องไม่เป็น จบอะไรมา จบกฎหมายมาจริงหรือไม่ จบมาจากที่ไหนมา (พูดเหมือนจำเลยที่ 10)
แต่เพื่อนของผู้เสียหายเห็นว่าเจ้าหน้าที่ท่านนี้มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือสนับสนุนงานของศาล และยอมรับมาโดยตลอดว่าตนเองไม่ได้เป็นทนายความ ย่อมต้องเขียนฟ้องไม่ดีเท่าทนายความแน่นอน แต่ก็พร้อมที่จะเรียนรู้เสมอ จึงพยายามคิดในทางบวกว่าศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นศาลใหม่ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ เพื่อนผู้เสียหายไม่รู้จริงๆ
จนในที่สุดวันไต่สวนมูลฟ้องคือวันที่ 10 ต.ค2566 ผู้เสียหายต้องให้การต่อศาล ผู้เสียหายจึงไปตั้งแต่ 8.30 น.เพื่อไปเตรียมตัวตามที่ศาลนัดเวลา 09.30 น. ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ศาลนำคำถามที่ทนายของจำเลยที่ 1-9 ยื่นไว้ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.2566 ให้ผู้เสียหาย ก่อนศาลลงนั่งพิจารณา 10 นาที
สำหรับคำถามของทนายของจำเลยที่ 10 ได้ยื่นไว้เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2566 เจ้าหน้าที่ได้ส่งให้หลังจากที่มีการไต้สวนมูลฟ้องเสร็จสิ้นแล้ว
เอกสารการส่งคำถามของทนายจำเลยก่อนวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง
อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายได้ไปพบเจ้าหน้าที่ศาลเพื่อยื่นบันทึกคำยืนยันคำให้การของผู้เสียหายต่อเจ้าพนักงานคดีซึ่งรับผิดชอบคดีนี้โดยตรงในวันที่ 28 ก.ย.66 ประมาณ 16.00 น.และถามว่ามีเอกสารอะไรที่ทางผู้เสียหายต้องมารับอีกไหม เจ้าพนักคดีได้แจ้งว่าไม่มีเอกสารใดๆแล้ว ทั้งที่ ศาลมีคำสั่งให้สำเนาให้อีกฝ่ายเมื่อวันที่ 26 ก.ย.66 เหตุใดเจ้าพนักงานคดีจึงไม่ส่งคำถามให้ผู้เสียหายก่อนเวลา ทั้งที่ ทนายจำเลยทั้งหมดได้ส่งมาก่อนล่วงหน้าในวันนัดไต่สวนถึง 10 วัน
เนื่องจาก ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นระบบไต่สวนและโจทก์ได้ทำบันทึกยืนยันข้อเท็จจริงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเปิดโอกาสให้จำเลยสามารถทำหนังสือแถลงให้ศาลทราบถึงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันสำคัญที่ศาลควรสั่งว่าคดีไม่มีมูล ศาลจึงอนุญาตให้ถามได้เฉพาะประเด็นที่มิได้อยู่ในบันทึกคำให้การยืนยันข้อเท็จจริงของโจทก์ ทำให้มีคำถามไม่มากเท่าใดนัก และศาลได้นัดฟังคำสั่งในชั้นไต่สวนในวันที่ 24 ม.ค.2567
โปรดกดติดตามเพจ
มาดูกันว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โตแค่ไหน กดอ่านได้ที่
เรื่องเล็กๆ...สู่ปัญหาการใช้และตีความที่ไม่เป็นธรรม บทนำ
ตอนที่ 1 ความคุ้นชินกับการกระทำผิด
ตอนที่ 2 ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือ
ตอนท่ 3 รายงานไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ตอนที่ 4 การแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อน
ตอนที่ 5 การไม่ดำเนินการตามหนังสือคัดค้านและร้องเรียนเพิ่มเติม
ตอนที่ 6 ผู้ว่าราชการจังหวัดตีความว่าผู้ร้องเรียนไม่ใช่คู่กรณี
ตอนที่ 7 การร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงสาธารณสุข
ตอนที่ 8 ผลการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 9 การสอบสวนวินัยรายแรงโดยมิได้ใช้ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของโรงพยาบาล
ตอนที่ 10 ผลที่เกิดขึ้นจากรายงานการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีนางหนึ่ง
ตอนที่ 11 สำนักงานสาธารณสุขให้ความช่วยเหลือนางสอง
ตอนที่ 12 ผลการสอบวินัยกรณีนางสอง
ตอนที่ 13 ปัญหาการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกรณีที่ 1
ตอนที่ 14 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง-ชี้แจงนอกประเด็น กรณีที่ 2
ตอนที่ 15 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งและชี้แจงนอกประเด็น กรณีที่ 3
ตอนที่ 16 บทสรุปขั้นตอนการดำเนินการทางวินัยที่ไม่เป็นธรรม
ตอนที่ 17 ขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสารของทางราชการ
ตอนที่ 18 จังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 19 จังหวัดยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเพียงบางส่วน
ตอนที่ 20 นพ.สสจ.แจ้งต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 21 ผู้เสียหายทำหนังสือโต้แย้งการพิจารณาของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 22 นพ.สสจ.ชี้แจงว่า ผวจ.มิได้ทำดคำสั่งในหนังสือที่ร้องขอทั้ง 4 ฉบับ
ตอนที่ 23 คณะอนุกรรมการมีหนังสือถึงผู้สียหายตามที่จังหวัดชี้แจง
ตอนที่ 24 การตรวจสอบความีอยู่ของข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 25 จังหวัดชี้แจงต่อคณะกรรมการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตอนที่ 26 ติดตามผลการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 27 ผลการตรวจสอบความมีอยู่ของข้อมูลข่าวสารที่ร้องขอ
ตอนที่ 28 ขอทราบขั้นตอนการเสนอหนังสือทั้ง 5 ฉบับที่ร้องขอ
ตอนที่ 29 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายใยขั้นตอนการขอข้อมูลข่าวสาร
ตอนที่ 30 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานสาธารณสุข
ตอนที่ 31 ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของจังหวัด
ตอนที่ 32 ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติรการของจังหวัด
ตอนที่ 33 เหตุแห่งการร้องขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 34 การร้องเรียนขอความเป็นธรรมในระดับกระทรวง
ตอนที่ 35 การบังคับใช้กฎหมายในระดับกระทรวง
ตอนที่ 36 ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอนที่ 37 บทวิเคราะห์การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ
ตอนที่ 38 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตอนที่ 39 การฟ้องคดีต่อศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตอนที่ 40 ผลของการออกหนังสือด่วนที่สุดเพื่อไต่สวนเรื่องร้องเรียนของผู้เสียหาย
ตอนที่ 41 ผู้เสียหายทำหนังสือขอถอนเรื่องร้องเรียนจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ตอนที่ 42 บทวิเคราะห์การดำเนินเรื่องร้องเรียนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ตอนที่ 43 อัยการเข้ามาเป็นทนายแก้ต่างให้กับจำเลยทั้ง 9 คน
ตอนที่ 44 การทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดเพื่อติดตามเรื่อง
ตอนที่ 45 เหตุผลของอัยการในการรับเป็นทนายแก้ต่างให้จำเลย
ตอนที่ 46 ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตอนที่ 47 เหตุที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.หยิบเรื่องผู้เสียหายขึ้นมาดำเนินการด่วนที่สุด
ตอนที่ 48 จำเลยที่ 9 ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช.
ตอนที่ 49 ความไม่ชอบด้วยกฎหมายจากใบสมัครของจำเลยที่ 9
ตอนที่ 50 การตรวจสอบความประพฤติและจริยธรรมของหน่วยงานรัฐ
โฆษณา